ดูแบบคำตอบเดียว
  #42  
เก่า 19-03-2011, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,235 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อหลวงปู่ท่านมีหน้าที่ทั่วไปในการตรวจควบคุม ท่านก็เลยขอไว้ว่า เมื่อถึงเวลาบวงสรวงให้มีสัญลักษณ์ของท่านด้วย ก็คือให้มีขนมจีนสักถ้วยหนึ่ง จะเป็นน้ำยา น้ำพริก หรือซาวน้ำก็ไม่ว่า แต่ให้มีไว้ ก็แปลว่าขนมจีน ถ้าไม่ใช่ขนมจีนพร้อมกับทองหยิบฝอยทองซึ่งเป็นของที่ใช้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรแล้ว เอาไว้สำหรับใช้ในการบวงสรวงเฉพาะในวัดท่าซุงเท่านั้น

ของอีกอย่างที่เห็นเกินมา คือ ถั่วลาชมาศ เขาใช้ในการบวงสรวงเพื่ออัญเชิญพระภูมิเจ้าที่ ถ้าตั้งศาลใหม่ก็ใส่ถั่วลาชมาศเข้าไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องมี เห็นหรือยังว่าเรียนมาด้วยกันแท้ ๆ แต่เขาแตกแขนงไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ?

เหมือนกับพระพุทธศาสนามหายาน ต้นฉบับที่เป็นมูลสรวาสติวาทหายหมดแล้ว..ใช่ไหม ? กลายเป็นโยคาจารย์ เป็นอาจาริยวาท ในที่สุดก็กลายเป็นเกจิอาจารย์ คำว่า เกจิอาจารย์ แปลว่า อาจารย์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันเรามาใช้ในความหมายว่าเป็นผู้ขลังไปแล้ว

ถาม : ถ้าเราไหว้พระที่บ้าน ตั้งบายศรีไหว้พระเฉย ๆ แล้วนึกถึงหลวงปู่ขนมจีน ก็เลยตั้งขนมจีน ?
ตอบ : ถ้าเจตนาอย่างนั้นก็ทำไป แต่บางท่านเข้าใจผิด เห็นว่าที่วัดท่าซุงมีขนมจีน ถ่ายรูปไว้ด้วยนะ แล้วจัดตามที่วัดท่าซุง แต่ไม่รู้เขาจัดไว้ทำไม ก็จัดตามไปแบบเถรส่องบาตร เห็นอาจารย์ส่องก็ส่องบ้าง แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านส่องทำไม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2011 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา