เราเสียดาย เราอยากจะพูดกับท่านสักคำ พอพูดอีกสักคำถวายธรรมะ ท่านจะขึ้นทันทีไม่นาน แต่มันก็เสียดายที่พระไปยุ่ง..ไม่ได้พูดถึงพริกถึงขิง แต่ยังไงก็ตาม เราก็ถือเอาความแน่นอนว่า จิตนี่เข้าถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ไม่อยู่ จะพุ่งเลย เป็นแต่เพียงช้ากับเร็ว แต่ที่เรื่องที่จะถอยไม่มี มีแต่เพื่อความหลุดพ้นโดยถ่ายเดียว ถ้ามีผู้แนะปั๊บจะเร็วนะ ผึงเลยทันที ถ้าไม่มีผู้แนะก็ไป ไปตามลำดับเอง นี่ก็ไปแต่จะช้า
นี่ถึงจุดนี้ที่ท่านว่าใสแจ๋ว สว่างจ้า แทนที่จะชมไม่ได้ชม ยังนอนตายอยู่นี่เหรอ ฟังสิ มันขึ้นรับกัน เสียดายไม่ได้ถวายเดี๋ยวนั้น พระก็อยู่ที่นั่น ทำยังไงนะ เวลาพูดกับสมาคมก็ต้องมีสูงมีต่ำธรรมดาอย่าพระจิตคุปต์นั้นน่ะ.. นี่ล่ะ ผู้ที่บอกตามหลักความจริงจะไม่ช้า ท่านเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้น หลังจากที่พระจิตคุปต์ได้ฟังอุบายจากลูกศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์แนะเท่านั้น ท่านก็เข้าใจแล้ว ทางจะก้าวเดิน เห็นมั้ยล่ะ..ธรรมะ ถ้าผู้ไม่รู้เปิดไม่ได้นะ
เราไม่ได้ยกตนข่มท่าน ครูบาอาจารย์เช่นหลวงปู่ฝั้นนี่ เราเคารพเทิดทูนท่านมากที่สุด ทั้งรักทั้งเคารพท่าน แต่เรายังเสียดาย ยังมาพูดอย่างนี้ให้เราฟัง ‘จิตมันรวมเข้ามานี่.. มันสว่างจ้าอยู่ จุดผ่องใสแจ๋ว’ เท่านั้นจับได้แล้ว เพราะฉะนั้น มันต้องพุ่งออกมาทางนี้ มันไม่ได้ว่าธรรมดานะ การที่จะจมอยู่ในกองทุกข์ ที่จะดึงขึ้นมีคุณค่าขนาดไหน ทำไมจึงมาตายอยู่กับสิ่งเหล่านี้ นี่เราแน่นอน หลังจากนั้นมาอีก ตั้งแต่ ๒๔๙๒ – ๒๕๒๐
ปี ๒๔๙๓ เผาศพหลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้นมาเล่าให้ฟังตอน ๒๕๐๖ วันที่ท่านเล่ากับเรา เป็นวันที่เราไปเผาศพท่านอาจารย์กงมา เราจึงถือโอกาสจะไปเรียนถามธรรมะท่านโดยเฉพาะ ... จาก ๒๕๐๖ มาถึงปี ๒๕๒๐ ปีที่หลวงปู่ฝั้นมรณภาพ เป็น ๑๔ ปีผ่านได้ เพราะอันนี้จะออก.. นี้จะพุ่งเลย ให้ไปทางอื่นไม่มี มีแต่จะพุ่งเลยถ่ายเดียว เป็นแต่ว่าชักช้าขาดผู้นำ คือผู้แนะ
ถ้าผู้แนะมีความรู้เหนือกว่าแล้ว แนะแล้วพุ่งเลย.. ยังไงก็พ้นแน่ เราจึงเชื่อเลยว่า จากนั้นมา ๑๔ ปีท่านต้องผ่านได้แล้ว ทีนี้เขามาเล่า.. อัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว เราเชื่อทันทีเลย ก็เป็นเวลา ๑๔ ปี เราพูดด้วยความเทิดทูน...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2020 เมื่อ 21:40
|