"ที่ทำอย่างนั้นเพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าใครเป็นเจ้าภาพกฐินสัก ๓ ปีติดกัน จะมีความคล่องตัวในเรื่องความเป็นอยู่มาก ท่านบอกว่า คำว่าเจ้าภาพนี้ไม่ได้หมายความว่าจัดเองคนเดียว ใครเขาทอดกฐินเราก็เป็นเจ้าภาพร่วมกับเขาไป จะ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ก็แล้วแต่เราจะมีกำลัง แต่ให้ทำไว้บ่อย ๆ ทำน้อยแต่ทำบ่อย ๆ ครั้ง
การที่ใจสละออกอย่างคล่องตัว ถึงเวลาไหลเข้าก็จะไหลเข้าแบบคล่องตัว ท่านบอกว่าคนที่เก็บเงินเฉย ๆ ไม่รู้จักสร้างบุญ ไม่รู้จักต่อบุญ ของใหม่จะมาไม่ได้ ถามว่าทำไมของใหม่มาไม่ได้ ? ท่านบอกว่าน้ำข้างในเต็มอยู่ ถ้าไม่เทออกแล้วของใหม่ที่ไหนไหลเข้ามาได้ อาตมาก็เลยเททิ้งเกลี้ยงทุกปี ของใหม่จึงไหลมาเทมา
เพื่อนพระเขาบอกว่า "อาจารย์เล็กรวย" อาตมาตอบว่า "คุณเห็นผมใช้เงินไม่คิด คุณก็ว่าผมรวย" ถึงเวลาจริง ๆ แล้วแทบไม่เหลือเงินติดตัว แต่เป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือใครขอความช่วยเหลืออะไรก็ช่วยเขาได้หมด แต่ตัวเองเกือบจะไม่มีสตางค์ติดกระเป๋า
ระยะหลังที่เขาเอากรมสรรพากร เอาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมา เพื่อที่จะบีบเกี่ยวกับเรื่องบัญชีวัด บัญชีพระ วัดท่าขนุนไม่ได้หนักใจหรอก มีเท่าไรก็ใช้เกลี้ยง อยากจะตรวจก็ตรวจไป”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:34
|