ถาม : หลวงพ่อฤๅษีบอกไว้ในปฏิปทาท่านผู้เฒ่า อย่างอสุภะให้พิจารณาคนเหมือนถุงอุจจาระ จะได้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย หรือรังเกียจขยะแขยง แต่หนูเอง ทำไมไม่ผ่านอารมณ์ขยะแขยง แต่กลับไปลงที่ตัวสังขารุเปกขาญาณ ไปลงที่ตัวอนัตตา หรือเห็นเป็นรูปเป็นนามไปเลย
ตอบ : ใช้ได้เหมือนกัน
ถาม : ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อาตมาเองตั้งใจจะไปเอาเมตตาบารมีก็ไม่ได้ เพราะจิตกระโดดไปที่สังขารุเปกขาญาณเลย ขณะเดียวกันตั้งใจจะใช้ตัวอสุภกรรมฐานกับกายคตาสติมาตัดราคะ ก็ตัดไม่สำเร็จ แต่กลับไปตัดได้ด้วยตัวพรหมวิหารสี่แทน
ดังนั้น..บางมุมของกรรมฐานก็ไม่ได้เหมาะสำหรับเรา หรือไม่ได้เหมาะสำหรับคนทั่วไป เพราะแต่ละคนสร้างบารมีเก่ามาไม่เหมือนกัน ในเมื่ออยู่ในแง่มุมอื่น เราสามารถที่จะก้าวผ่านตรงจุดนั้นได้เหมือนกันก็ทำไปเถอะ
ถาม : หนูอยากรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วจะต้องผ่านตัวขยะแขยงก่อน แล้วค่อยไปลงที่อนัตตาหรือเปล่า ?
ตอบ : บางทีก็ข้ามไปได้เลย ไม่จำเป็นจะต้อง หนึ่ง สอง สาม อาจจะ สี่ ห้า หก ไปเลย
ถาม : อย่างหลวงพ่อฤๅษีบอกให้รังเกียจขยะแขยง อันนี้ไม่ถือว่าเป็นตัวยินร้ายหรือคะ ?
ตอบ : จะยินดีหรือยินร้ายก็ตาม ภายหลังก็จะต้องปล่อยออกหมดเหมือนกัน แต่ตัวที่ขยะแขยงตรงจุดนั้น จริง ๆ แล้วเพราะเราเห็นว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีจริง ๆ เป็นส่วนยินร้ายที่มีปัญญาประกอบเพราะรู้เห็นว่าไม่ดีจริง ๆ ไม่ใช่ส่วนที่ยินร้ายที่เป็นโทสะจริต
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2010 เมื่อ 02:31
|