ที่นี้เขาก็มาทอดแหตรงที่มันเป็นคุ้งน้ำ เราเห็นเขาทอดแห.. เสียงอึกทึกครึกโครมเราก็เลยหนีไปอยู่ในป่าลึก ๆ เราไปเดินจงกรมอยู่โน่น จนกระทั่งมืดเราถึงมา
อันนี้เรื่องถึงบทมันนะ ไอ้เณรนั่นจำชื่อมันได้จนกระทั่งบัดนี้ ชื่อ “เณรแปลง” มาจากบ้านหนองโคก เณรแปลงมันมีผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง มันออกเข้าไปวัดป่าหนองบัว ก็เดินผ่านป่าของเราที่พักอยู่นั่นไป
เวลาไปนั้น เณรแปลงมันไปเผลออย่างไรไม่ทราบ ผ้าที่พาดบ่ามานี้ตกหล่นลงข้างทางที่ชาวบ้านเขาขึ้นมาจากห้วยอูน ขากลับมาเณรไม่เห็นผ้าจึงพูดให้พระฟังว่า ‘โอ๊ย ! ผ้าผมหาย’ พูดกับพระองค์ที่มากับเราฟัง
ทีนี้พวกที่เขาตกปลาเสร็จแล้วก็ขึ้นมา เห็นผ้านี้ตกอยู่ ผู้เห็นทีแรกนั้นไม่ได้ว่าแผ่ปลาล่ะ บอก ‘ครูบาวัดนี้ทำผ้าตก’ จึงเอาผ้าไปพาดไว้
พอผู้มาทีหลังเห็น จึงนึกว่าเป็นสัญลักษณ์ว่าพระแผ่ปลา (ขอบิณฑบาตปลา) เขาจึงร้อยปลาเป็นพวงแล้วก็แขวนไว้ข้าง ๆ ร้านเราที่เราพัก ไอ้เราไม่รู้เรื่อง เราอยู่ในป่าโน้น
นี่สิ ! ที่ว่าเหตุผลมันถูกมัดใช่ไหมล่ะ มันหากเป็นของมันเองอย่างนี้แหละ ทีนี้พอตอนเช้าเราออกบิณฑบาตกลับมา ชาวบ้านเขามาคอยอยู่แล้ว เขาก็ร้อยปลามา.. นี่เป็นครูบาองค์ที่ไปแผ่ปลาเขาเมื่อวานใช่ไหม ?
‘โยม ! ทำไมว่าอย่างงั้น’ เราก็ว่าอย่างนี้
‘ก็เห็นเอาผ้าเหลืองผืนหนึ่งพาดไว้นั้น เขาก็ร้อยปลาแล้วก็แขวนไว้ตรงจุดเดียวกันนั้น’
‘แล้วกัน ยังไงกันนี่ ไหนไปเรียกพระองค์นั้นมาดูสิ’
ก็เรียกพระอีกองค์นั้นมา มาก็มาถาม ‘ท่านรึเปล่า ไปแผ่ปลาเขาเมื่อวานนี้’ เราว่าอย่างนั้นนะ ‘ฮึ แผ่ตอนไหน อ้าว ! ไม่ได้แผ่’ พระองค์นั้นก็งงอีกเหมือนกันนั่นแหละ
‘ไม่แผ่จะเป็นใคร มันก็มีเรา ๒ คนเท่านั้นในป่านี้ ต้องจับเรา ๒ คนเท่านี้’ นี่เห็นไหม เหตุผลของกลางมันมัดแล้วใช่ไหมล่ะ มันก็มีเรา ๒ คนนี่ พระที่ไหน จะมาอยู่ที่นี่ เรา ๒ คนเท่านั้นจะติดคุกติดตะราง แล้วก็ซักพระองค์นั้น พระองค์นั้นก็หน้าเสียหมด พองงไปงงมาเลยระลึกได้
‘อ้อ ! เมื่อวานนี้เณรแปลงมันมานี่ บอกผ้าหาย ผ้าหายไม่ทราบหายตรงไหน ถ้างั้นอาจจะใช่ ไหน...มาดูผ้าดีกว่า เอาผ้ามาดู’
พอเริ่มหัวเราะกันได้บ้างล่ะที่นี้นะ เพราะมันมีช่องออกได้แล้วนี่ ให้ตามไปหาเณรแปลงบ้านหนองโคกนะ ให้โยมนี่ไป ไปถามว่า ‘ผ้านี้เป็นผ้าของเณรแปลงจริงไหม’
พอเณรเห็น เณรก็หัวเราะแย้ก ๆ ‘โอ๊ย ! ใช่แล้ว ผ้าของผมเอง’ (หัวเราะ) ‘โอ๊ย ! ผ้านรก ผ้าอเวจี ผ้าเทวทัต มันไปทำลายเราอยู่ในป่า เอาเผาไฟนะ ผ้านี้มันไม่ได้เป็นมงคลแล้วผ้านี้’ เราก็บอกอย่างนั้น...”
เรื่องนี้เป็นข้อคิดว่า หากบังเอิญ “ของกลาง” ไปเกี่ยวข้องพาดพิงด้วยพยานหลักฐานต่าง ๆ แบบสมเหตุสมผลแล้ว อาจมัดตัวคนดีให้ติดคุกติดตะรางได้ แม้ไม่ได้ทำผิดเลย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2016 เมื่อ 21:30
|