เหตุการณ์ในครั้งนั้น องค์หลวงตาเองพยายามสอดศีรษะเข้าไป เพื่อเฝ้าสังเกตดูภาพหลวงปู่มั่นนิพพานอย่างละเอียดลออในขณะที่จวนเจียนเต็มที่แล้วดังนี้
“...พระอรหันต์นิพพานนี้ไม่รู้นะ ดูพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเราละจ้อใหญ่ ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ก็มี เช่นอย่างหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่เทสก์ไปอยู่ข้างใน เราเอาหัวสอดเข้าดูท่าน เวลาท่านจะสิ้นลม.. ตาเราไม่กระพริบถึงขนาดนั้นน้ำตาพุ่งเลย สลดสังเวช
คุณพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมีคุณเหลือล้นพ้นประมาณจริง ๆ น้ำตาร่วงเลย พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นล่วงไปขนาดนั้นเลย มันไม่ทราบขาดสะบั้นลงหมดเลยนะ ตัวเองเหมือนไม่มีความดี ความดีเหมือนอยู่กับท่านหมด พอท่านสิ้นลมปั๊บเหมือนว่าโลกธาตุจมไปตาม ๆ กันเลยนะ
อำนาจคุณเหลือล้นพ้นประมาณ .. เวลาท่านจะล่วงไปอีกก็เอาอีก ดูจ้ออยู่อย่างนี้ เราตาไม่กระพริบเลย หัวจ่อดูท่าน เวลาท่านจะไปจริง ๆ ลมหายใจมาสองสามงาบ พองาบที่สามอ่อนลง จากนั้นก็เบาลง ๆ ลมหายใจเบาลง ๆ ๆ และหายเงียบเลยนะ ไม่รู้ขณะท่านสิ้นเมื่อไร ไม่รู้ รู้ตั้งแต่ตอนต้น หายใจปากงาบ ๆ สามพักเท่านั้นละ จากนั้นก็อ่อนลงแล้วเงียบไป.. ไปเลย เราเห็นต่อหน้าต่อตา แหม.. น้ำตาเพราะอำนาจแห่งคุณของท่าน
แต่ก่อนท่านไม่เคยพูดนะ อยู่ด้วยกันมาสักกี่ปีท่านไม่เคยพูดว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ พอตอนวาระสุดท้ายนี่แหละ ‘ไปคราวนี้จะไม่กลับนะ’
เท่านั้นละ.. สะดุดเลย เราก็ดีนะ ท่านไม่เคยพูดนะ.. ไปคราวนี้จะไม่กลับล่ะ ท่านว่าไม่กลับก็คือว่าไปเลย สิ้นแล้ว
ผู้สิ้นกิเลสดับ ก็หมายถึงพระอรหันต์ดับ ไปคราวนี้จะไม่กลับ ท่านว่าเท่านั้น คำพูดคำเดียวนี่.. สะดุดจนกระทั่งทุกวันนี้...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2016 เมื่อ 03:32
|