ดูแบบคำตอบเดียว
  #326  
เก่า 02-03-2016, 14:41
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

พาผมไปสกลนครให้จงได้

กล่าวถึงเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๒ หลังจากองค์หลวงตากลับจากวิเวกมาถึงวัดแล้วนั้น หลวงปู่มั่นได้เล่าให้ฟังว่า ท่านเริ่มป่วยตั้งแต่ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ท่านว่าเริ่มป่วยคราวนี้ไม่เหมือนกับคราวใด ๆ ซึ่งแต่ก่อนเวลาท่านป่วย ถ้ามีผู้นำยาไปถวายท่าน ท่านก็ฉันให้บ้าง มาคราวนี้ท่านห้ามการฉันยาโดยประการทั้งปวงแต่ขึ้นเริ่มแรกป่วย โดยให้เหตุผลว่า การป่วยคราวนี้ไม่มีหวังได้รับประโยชน์อะไรจากยา เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ตายยืนต้นอยู่เท่านั้น ธาตุขันธ์ที่แก่ชราภาพขนาดนี้แล้วย่อมมีลักษณะเช่นเดียวกัน.. หยูกยาจึงไม่เป็นผลอะไรกับโรคคนแก่ ดังนี้

“... ท่านว่า แม้ท่านจะห้ามยามิให้นำมาเกี่ยวข้องกับท่าน แต่ก็ทนต่อคนหมู่มากไม่ไหว คนนั้นก็จะให้ท่านฉันยานั้น คนนี้ก็จะให้ท่านฉันยานี้ คนนั้นจะฉีด คนนั้นจะฉัน หนักเข้าท่านก็จำต้องปล่อยตามเรื่อง มีคนมากราบเรียนถามเรื่องยาถูกกับโรคของท่านหรือไม่... ท่านก็นิ่ง ไม่ตอบโดยประการทั้งปวง เมื่ออาการของท่านหนักจวนตัวเข้าจริง ๆ ท่านก็บอกกับคณะลูกศิษย์ ทั้งพระและญาติโยมว่า

จะให้ผมตายในวัดป่าหนองฝือนี้ไม่ได้ เพราะผมน่ะตายเพียงคนเดียว แต่ว่าสัตว์ที่ตายตามเพราะผมเป็นเหตุจะมีจำนวนมากมาย เพราะฉะนั้น ขอให้นำผมออกจากที่นี้ไปจังหวัดสกลนคร เพื่อให้อภัยแก่สัตว์ซึ่งมีจำนวนมาก อย่าให้เขาพลอยทุกข์และตายไปด้วยเลย ที่โน้นเขามีตลาดซึ่งมีการซื้อขายกันอยู่แล้ว ไม่มีทางเสียหายซึ่งเนื่องจากการตายของผม


พอท่านพูดและให้เหตุผลอย่างนั้น ทุกคนต้องยอมทำตามความเห็นของท่าน จึงเตรียมแคร่ที่นอนมาถวาย และอาราธนานิมนต์ท่านขึ้นนอนบนแคร่ แล้วพร้อมกันหามท่านออกไปในวันรุ่งขึ้น พอถึงวัดป่าบ้านภู่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนครแล้ว ก็พาท่านพักแรมค้างคืนอยู่ที่นั้นหลายคืน ท่านก็คอยเตือนเสมอว่า

‘ทำไมพาผมมาพักค้างคืนที่นี่ล่ะ ผมเคยบอกแล้วว่าจะไปจังหวัดสกลนคร ก็ที่นี่ไม่ใช่สกลนคร’


ท่านว่าเมื่อจวนตัวเข้าจริง ๆ ในสามคืนสุดท้าย ท่านไม่ค่อยจะพักนอนแต่คอยเตือนให้รีบพาท่านไปสกลนครเสมอ เฉพาะคืนสุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่หลับไม่นอนเท่านั้น ยังต้องบังคับว่า ‘ให้รีบพาผมไปสกลนครในคืนวันนี้จงได้ อย่าขืนเอาผมไว้ที่นี่เป็นอันขาด

ท่านพูดย้ำแล้วย้ำเล่าอยู่ทำนองนั้น แม้ที่สุดท่านจะนั่งภาวนา ท่านก็สั่งว่า ‘ให้หันหน้าผมไปทางจังหวัดสกลนคร’

ที่ท่านสั่งเช่นนั้นเข้าใจว่า เพื่อให้เป็นปัญหาอันสำคัญแก่คณะลูกศิษย์ จะได้ขบคิดถึงคำพูดและอาการที่ท่านทำอย่างนั้น ว่ามีความหมายแค่ไหนและอย่างไรบ้าง ? พอตื่นเช้าจะเป็นเพราะเหตุไรก็สันนิษฐานยาก เผอิญชาวจังหวัดสกลนครซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมกันเอารถยนต์มารับท่าน ๓ คัน แล้วอาราธนานิมนต์ให้ท่านไปจังหวัดสกลนคร ท่านก็เมตตารับทันทีเพราะท่านเตรียมตัวจะไปอยู่แล้ว ก่อนจะขึ้นรถยนต์ หมอได้ไปฉีดยานอนหลับให้ท่าน จากนั้นท่านก็นอนหลับไปตลอดทาง จนถึงวัดสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร…”

เหตุการณ์ในตอนนี้ หลวงปู่หล้าได้บันทึกไว้ว่า

“...ตื่นเช้าชาวสกลนครตลอดถึงคุณหมอ แพทย์ใหญ่ในสกลนครก็มาถึงแต่เช้าตรู่ ชาวสกลนครกราบเท้าเรียนถวายวิงวอนว่า ‘ขอนิมนต์ให้ไปพักวัดป่าสุทธาวาส’


นิมนต์วิงวอนถึง ๓ – ๔ ครั้งติด ๆ กัน องค์หลวงปู่ปรารภว่า ‘เออ หามศพตกป่าช้าหนอ ไม่มีวันได้หามคืน บัดนี้มาถูกเราแล้ว’

องค์หลวงปู่กล่าวต่อไปว่า ‘ถ้าไปก็ลำบากอีกละ’ เพราะลูกศิษย์ก็มาต่างทิศ มากเข้า ๔๐ องค์รวมทั้งเก่าใหม่ เขากราบเรียนว่า ‘มากน้อยเท่าไรก็ตามขอรับ จะเอารถขนวันยันค่ำนั่นแหละ’

แท้จริงสมัยนั้นมีรถวิ่งไปมาจากสกลนคร – อุดรธานี ๒ – ๓ คัน กับรถกรมทางคันหนึ่ง หนทางก็เป็นหินลูกรังปูถี่ ๆ ห่าง ๆ ลัก ๆ ลั่น ๆ ยังไม่เรียบร้อยได้...”

การที่หลวงปู่มั่นเร่งให้พาเข้าสกลนครโดยเร็ว แต่ครั้นเมื่อแพทย์และชาวสกลนครมากราบนิมนต์วิงวอนถึงองค์ท่านเองแล้ว หลวงปู่มั่นท่านก็มีทีท่านิ่ง ๆ แต่กลับมีลักษณะห่วงใยพระเณร ฆราวาส ศิษย์ผู้ติดตามทั้งหลาย ว่าจะเดินทางกันอย่างไรได้ครบถ้วน และทันกับปัจฉิมกาลของท่านอีกด้วย เพราะสมัยนั้นขาดแคลนรถบริการ การรับส่งพระ ฆราวาสขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเดินไปก็คงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน อาจไม่ทันการณ์ เมื่อหลวงปู่มั่นกล่าวขึ้นในลักษณะนี้ คณะชาวสกลนครจึงขานรับในทันที ความมุ่งหมายของหลวงปู่มั่นจะไปสกลนครให้จงได้ จึงบรรลุผลทันกาลพร้อมลูกศิษย์ทั้งมวล หลวงปู่หล้ากล่าวถึงเหตุการณ์ในตอนนี้ต่อไปว่า

“... แล้วก็กราบเท้าเรียนถวายให้องค์หลวงปู่ฉันอาหาร องค์หลวงปู่ก็นั่งฉันได้อยู่ ไม่ได้พยุงชู ฉันประมาณ ๕ – ๖ คำเล็กแห่งอาหารเหลว ๆ ที่ซดด้วยช้อน ครั้งเสร็จแล้วคุณหมอใหญ่ จ. สกลนครก็ฉีดยานอนหลับให้ ด้วยการขออนุญาต ๔ – ๕ ครั้ง องค์หลวงปู่ก็ยอมให้ฉีดแบบฝืน ๆ แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางโกลาหล


.. แล้วเอาแคร่มาหามองค์หลวงปู่ข้ามทุ่ง องค์หลวงปู่นอนตะแคงข้างขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกัน หามข้ามทุ่งไปสู่ถนน ไกลประมาณเกือบกิโลเมตรจึงถึงถนน แล้วเอาองค์หลวงปู่ขึ้นรถกรมทาง เอานอนด้านหน้า

ครูบาวัน อาจารย์วิริยังค์ ข้าพเจ้า คุณสีหา ก็ไปขบวนกองหน้า ส่วนหลวงปู่ก็นอนนิ่งไม่กระดิกพลิกไหวตัวอะไรเลย ปรากฏแต่ลมเข้าออกแบบเบา ๆ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2016 เมื่อ 20:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา