ดูแบบคำตอบเดียว
  #325  
เก่า 24-02-2016, 14:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default


วัดแตกสาแหรกขาด

หลวงปู่หล้าเล่าเหตุการณ์ครั้งสำคัญในระยะนั้นโดยละเอียดต่อไปว่า

“ ...เมื่อองค์ท่านพระเถระเหล่านี้ต่างก็มีศรัทธา มารวมกันในยามออกพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือดังกล่าวแล้ว ในเรื่องหลวงปู่.. องค์ท่านชราพาธเพิ่มทวีขึ้นก็ประชุมปรึกษากัน ส่วนหลวงปู่กงมายืนยันทางเดียวด้วยน้ำใสใจจริงว่า ‘ควรนิมนต์หลวงปู่พักวิเวกวัดป่าบ้านม่วงไข่ก่อน’ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่เป็นหลายครั้ง


ส่วนองค์หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่อ่อน หลวงปู่ฝั้น พระอาจารย์กู่ พระอาจารย์มหาทองสุก พระอาจารย์มหาบัว พระอาจารย์กว่าเหล่านี้ ตามพฤติการณ์ไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไช กราบเท้าเรียนแล้วแต่องค์หลวงปู่จะสะดวก แต่ก็ไม่ขัดขวางหลวงปู่กงมาด้วยประการใด ๆ อะไรนัก ตกลงองค์หลวงปู่มั่นก็รับไปแบบจำใจ

ตื่นขึ้นเป็นวันใหม่ไปบิณฑบาตแต่เช้า ฉันเสร็จแล้วก็เตรียมตัวโกลาหล แล้วลูกศิษย์ที่ขอนิสัยด้วยประจำวัดหลวงปู่มั่นก็แบ่งออกเป็น ๒ พวก พวกที่ไปก่อนให้ไปก่อนแต่เฉพาะผู้มีข้อวัตรจำเป็นอันเว้นไม่ได้ซึ่งเกี่ยวกับองค์หลวงปู่ ให้ไปสามองค์ก่อนคือ ๑. ครูบาวัน ๒. ข้าพเจ้า ๓. พระสีหา เท่านั้น ในข้อนี้พระอาจารย์มหาบัวเป็นผู้แต่ง เพราะพระเถระนอกนั้นจำพรรษาอยู่ต่างถิ่น พระอาจารย์มหาบัวและหลวงตาทองอยู่ ให้ควบคุมหมู่ผู้อยู่ข้างหลังไปพลางก่อน เพราะการตัดเย็บจีวรก็ยังไม่เสร็จสิ้นเท่าไรนัก เพราะจุก ๆ จิก ๆ กับงานฉุกเฉินหลายด้าน วัดแตกสาแหรกขาด

ฝ่ายพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่มาต่างทิศก็ยกทัพไปพร้อมกองหน้าหมด เงียบเหงาเย็นเงียบ ออกเดินทาง ๓ โมงเช้า เอาแคร่มาหามหลวงปู่ทั้งพระทั้งโยมประมาณ ๒๐๐ คน หามไปตามทางเกวียนผ่านบ้านหนองผือไปทางทิศตะวันตก ค่อยเดินไปเท้าต่อเท้าแล้วเลี้ยวขวาโค้งตรงไป อ. พรรณานิคม

อนิจจาเอ๋ย.. บ้านหนองผือเศร้าโศกโศกา น้ำตาหลั่งไหล เพราะเอาองค์มิ่งขวัญเขาหนีไกลไปจากถิ่นบ้านเขา สารพัดผู้จะคร่ำครวญรำพันพิไรเสมือนพากันตายไป.. เงียบไปทั้งบ้าน

พอผ่านบ้านหนองผือไปประมาณ ๒ กิโลเมตร องค์หลวงปู่พูดเย็น ๆ ขึ้นว่า ‘พากันหามไปปิ้งไปเผาที่ไหนหนอ !’ ..

(ในตอนนั้น) ครูบาวันและคุณสีหาได้กระติกน้ำองค์ละลูกสะพายออก (ไป) ก่อน พวกที่หามแคร่ไปไกลกันกว่า ๑๐ วา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็เดินออกหน้า พวกที่หามแคร่ไปไกลกว่านั้นเป็นลำดับ ส่วนพวกตามหลังแคร่ไปก็เป็นระยะ ๆ เป็นทิวแถว ส่วนพวกเกวียนที่ขนของก็ตามหลัง บาตรบริขารโยมสะพายเอาหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้แทรกแซงโยมเข้าใกล้ที่หามได้

ข้าพเจ้าไม่ได้หามใส่บ่าหรอก เป็นเพียงเอามือขวาจับชู เอียงตัวซิกแซ็กเดินไป โยมเขาหาม.. เขาเอาผ้าผูกเป็นงวงสะพายบ้าง เอามือจับคนละมือบ้างเพราะมากคน บางแห่งก็หย่อนลง บางแห่งก็ยกขึ้นเพราะดินสูงต่ำ ที่ไหนหญ้ารกปกคลุมทางเพียงเข่าและแข้งขาก็เรียบร้อยไปหมด เพราะคนนั้นเหยียบบ้าง คนนี้เหยียบบ้าง ..

ได้ทางพอควรก็พักดื่มน้ำ องค์หลวงปู่ดื่ม ๒ – ๓ จิบแล้วนอนตะแคงข้างขวาอยู่บนแคร่ที่ปลงวางไว้.. พักประมาณสิบหรือสิบห้านาทีโดยคาดคะเนก็เดินทางต่อ พอถึงทุ่งนาแห่งหนึ่งเป็นหนทางมีตมโคลนเลอะเทอะ และจวนแจจะค่ำมืด ไม่มีทางเว้น แต่ที่นาเขา.. ข้าวเขากำลังจะพอเกี่ยว เขามีศรัทธาไขรั้ว รื้อรั้วออกให้ฝ่าเหยียบข้าวไป

คนทั้ง ๒๐๐ กว่าฝ่าตะลุยข้าวไปจนสุดทุ่งนาเขา จึงได้ลัดใส่หนทางอันพ้นโคลนตม ข้าวก็ล้มไปเรียบร้อยพร้อมทั้งหล่น พร้อมทั้งขาด นับว่าศรัทธาเขาเกิดขึ้นสด ๆ แก้ปัญหาซึ่งหน้าได้โดยสุจริตใจ จะหาได้ยากในสมัยนี้และเป็นข้าวที่กอโตและเป็นรวงโต เมล็ดโตด้วย การเสียหายอย่างน้อยก็ไม่ต่ำว่าหกร้อยกิโลกรัม เรียกว่าบุญองค์หลวงปู่เป็นปาฏิหาริย์อยู่ในตัวแล้ว ..

ขณะที่กำลังจะแวะผ่านข้าวเขานั้น พระมหาเถระได้พูดกันว่า ‘ไม่ควรเอาองค์หลวงปู่ไปพักม่วงไข่ เพราะเป็นวัดร้างมาหลายปี มีต้นไม้ทึบมาก อากาศไม่โปร่ง และเดี๋ยวนี้ก็ค่ำแล้ว และองค์หลวงปู่เล่าอาการก็หนักเข้า เพราะจะอ่อนเพลียในการหามมาข้ามป่าโคกดง ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ’

จึงตกลงแวะบ้านกุดก้อม (ดงภู่ก็ว่า) เป็นวัดป่าพระอาจารย์กู่ พอถึงที่นั่นก็หนึ่งทุ่มกว่า ๆ โดยประมาณ อาการหลวงปู่ก็หนักขึ้นทวีมาก ต่อรุ่งเช้าจึงเบาลงบ้าง

ในวันนั้นฉันจังหันแล้ว มีพระองค์หนึ่งจะไปตัดช่องกระดานศาลาใกล้ที่พักป่วยขององค์หลวงปู่ เพื่อให้เป็นช่องขององค์หลวงปู่ถ่ายอาจม องค์หลวงปู่ปรารภดัง ๆ ขึ้นว่า ‘อย่ามาทำเลย ท่านหล้าเธอกำกับของเธอประจำอยู่ มาทำแล้วก็ไม่ถูกความประสงค์ของเธอดอก’

ในระหว่างพักอยู่วัดป่ากุดก้อม คือบ้านภู่หรือว่าดงบ้านภู่ก็เรียกกันหลายอย่าง มีพระเถระมาเพิ่มขึ้นอีกคือ ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ จ. อุดรฯ พระอาจารย์สีลา วัดป่าบ้านวา อ. วานรนิวาส จ. สกลนคร รวมพระเณรทั้งหมด ๔๐ รูป และมาพักได้ ๓ คืน พระอาจารย์มหาบัวก็ทิ้งบ้านหนองผือมา และหมู่ทั้งหลายก็ทยอยจากมา จากบ้านหนองผือได้ ๑๑ วัน ครูบาทองคำก็มากับหมู่อีก เหลือแต่หลวงตาทองอยู่องค์เดียว ส่วนองค์หลวงปู่มั่นก็ป่วยหนักเข้า ๆ พักอยู่ที่นั้นได้ ๑๑ คืน ...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2016 เมื่อ 18:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา