ดูแบบคำตอบเดียว
  #42  
เก่า 06-09-2016, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ศาสนาพุทธของเรา นอกจากคำสอนที่อยู่ในลักษณะของการรักสงบ ปลีกตัวออกจากหมู่ ไม่ยุ่งกับเรื่องของคนอื่นแล้ว ยังอยู่ในลักษณะที่พอนาน ๆ ไปเหมือนกับน้ำเน่า ก็คือนิ่ง ไม่มีอะไรที่อยู่ในลักษณะของการรุกคืบเพื่อชิงมวลชนเหมือนกับศาสนาอื่น ก็เลยทำให้ศาสนาของเราอยู่ลักษณะของการตั้งรับมาโดยตลอด

แม้กระทั่งการสงเคราะห์มวลชนก็คืออยู่ในวัด รอคนมาหา ก็เลยสู้ศาสนาอื่นเขาไม่ได้ อย่างศาสนาคริสต์เขาส่งบาทหลวงไปทั่วโลก ส่งพวกสามเณรฝึกหัดออกไปเพื่อเผยแผ่ศาสนากันอย่างชนิดทุ่มเท ผมเคยเจอเขามาเมืองไทย เด็กหนุ่ม ๆ อายุไม่ถึง ๒๐ ปี พูดไทยได้ ร้องเพลงไทยได้ จะชัดไม่ชัดก็ช่างเถอะ

ถามเขาว่าฝึกภาษาไทยนานไหม ? เขาบอกว่า ๓ เดือน แค่ ๓ เดือนเขาเผยแผ่ศาสนาได้แล้ว ของเขาส่งไปทั่วโลกเลย บ้านเรานี่ส่วนมากรออยู่แต่ในวัด ถ้าโยมไม่เข้าวัดโอกาสที่จะได้มวลชนก็ไม่มี ส่วนศาสนาอิสลามหนักกว่านั้นอีก ศาสนาอิสลามเป็นนักเผยแผ่ทุกครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่อบรมลูกอยู่ในครอบครัว แล้วทุกคนก็กลายเป็นผู้ควบคุมในสังคมนั้น ๆ ว่ามีผู้ใดทำผิดหลักศาสนาบ้าง ถ้าทำผิดหลักก็อยู่ร่วมกันไม่ได้

นอกจากอบรมในครอบครัวแล้ว สังคมภายนอกยังมีการตรวจสอบที่เข้มข้นมาก คนที่ทำผิดหลักศาสนาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมในสังคมได้เลย แต่ศาสนาพุทธของเราไม่มีตรงนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 20:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา