พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของวันเกิด สมัยก่อนเขาทำบุญกันครั้งเดียวตอนอายุครบ ๖๐ ปี พอคนเราอายุถึง ๖๐ ปี นอกจากลูกหลานเพื่อนพ้องอะไรแล้ว ต้องบอกว่าด้วยความที่อยู่มานาน ก็เริ่มปรากฏคุณความดีให้คนอื่นเห็น ถึงเวลาทำบุญวันเกิดจึงมีคนมาร่วมงานมากมาย
แต่คราวนี้ที่คนโบราณทำบุญ ๖๐ ปี แบ่งออกเป็น ๒ สายด้วยกัน สายหนึ่งจะทำครบรอบ ๑๐ ปี อย่างเช่นว่า ๗๐ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี เป็นต้น ส่วนอีกสายหนึ่งก็ทำครบรอบ ๑๒ ปีคือ ๗๒ ปี ๘๔ ปี ๙๖ ปี สมัยก่อนที่ไม่นิยมทำบุญวันเกิดกันทุกปี เพราะว่าทำแต่ละครั้งต้องรบกวนคนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มาร่วมงานเดินทางก็ลำบาก ถามว่าลำบากแค่ไหน ? อาตมาเองบ้านอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ๓๖ กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางครึ่งวันกว่าจะถึง สมัยนี้ถ้าหากว่า ๓๖ กิโลเมตร ถ้าเกรงใจตำรวจก็ ๒๐ นาทีถึง ถ้าไม่เกรงใจตำรวจก็อาจจะ ๑๐ นาทีถึง..!
เมื่อลำบากด้วยการจัดงาน เพราะว่างานใหญ่ใช้กำลังคนมาก แล้วก็ลำบากด้วยการเดินทาง คนที่จะต้องไปร่วมงานเดินทางไม่คล่องตัวเหมือนกับสมัยนี้ จึงจัดกัน ๑๐ ปีครั้งหรือ ๑๒ ปีครั้ง สมัยนี้การเดินทางสะดวกคล่องตัว เห็นจัดงานวันเกิดกันตั้งแต่รู้ภาษา บางคนยังไม่ทันจะรู้ภาษาเลย ๒ ขวบก็เป่าเทียน ๒ ต้นแล้ว
มีอยู่ปีหนึ่ง เด็ก ๆ เขาจัดงานวันเกิดให้อาตมา จัดกันเล่น ๆ ไม่มีอะไรหรอก ซื้อขนมเค้กมา เอาเทียนวันเกิดปักแล้วก็จุด เทียนนี้เป็นเทียนที่เป่าไม่ดับ คือเป่าแล้วติดใหม่ พอจุดเสร็จก็เอามาให้หลวงพ่อเป่า อาตมาเป่าพรวดเดียวดับเกลี้ยง เล่นเอาเด็ก ๆ เขานั่งงง บอกว่า "หลวงพ่อเล่นไสยศาสตร์" เทียนประเภทนี้เป่าดับก็ติดใหม่ ปะทุขึ้นมาใหม่ได้ เลยสงสัยว่าอาตมาจะเป่าแรงไปหน่อย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2018 เมื่อ 15:55
|