พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไม่คิดมากก็มีความสุขดี ถ้าคิดมากก็เครียดแล้วก็ทุกข์ ส่วนใหญ่คนเราชอบหาทุกข์ใส่ตัวเพราะคิด จะบอกว่าคิดมากก็ไม่ได้เพราะว่าคิดอยู่คนเดียว ฉะนั้น...อย่าคิดคนเดียว ไม่ใช่อย่าคิดมาก พระท่านว่า “อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง, อย่าไปหวนคิดถึงอดีตและอย่าไปฟุ้งซ่านถึงอนาคต ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ, การที่เราจะเห็นธรรมะได้ต้องอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น”
หยุดใจให้นิ่งแล้วจะเห็นทุกสิ่งได้ มีหลักการปฏิบัติของสายพองยุบเขาบอกว่า ฟุ้งซ่านก็ให้ “ฟุ้งหนอ” นั่นผิดหลักตั้งแต่แรกแล้ว ไปตามรู้อารมณ์ฟุ้งรู้ไปทำไม ? รู้ว่าตัวเองฟุ้งแล้วได้อะไร ? มีแต่ต้องหยุด พอใจสงบแล้วเราถึงจะมองเห็นว่าใจของเราเป็นอย่างไร เหมือนอย่างกับน้ำ พอนิ่งแล้วเราถึงจะเห็นว่าใต้น้ำมีอะไร ไม่ใช่กวนจนตะกอนขุ่นคลั่กแล้วก็ไปนั่งดู คงจะได้เห็นหรอก
แต่ว่าท่านก็ยืนยันของท่านว่านี่แหละวิปัสสนาแท้ ต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดในความเข้าใจผิด และคงจะสอนผิด ๆ แบบนี้ไปอีกนาน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2016 เมื่อ 05:24
|