พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่พระคุณเจ้าว่า พระพุทธเจ้าทรงนำมาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่หมู่ชนนั้น จริงเสมอไปหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร จริงเสมอ
ม. ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงทรงแสดงอัคคิขันโธปมสูตร ซึ่งเกิดผลร้ายทำให้พระภิกษุ ๖๐ รูป
(ซึ่งเป็นผู้ล่วงปฐมปาราชิกสิกขาบท ตามความในพระสูตร สัตตกนิบาตอังคุตตรนิกาย) กระอักเลือดเล่า
น. ขอถวายพระพร การที่พระภิกษุ ๖๐ รูป กระอักเลือดนั้น เป็นเพราะความชั่วที่ตัวทำไว้ตามมาให้ผลต่างหาก
ม. ถึงเช่นนั้น ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระสูตรนั้น ภิกษุเหล่านั้นก็คงไม่กระอักเลือด
น. ก็ถ้าการกระอักเลือดนั้นเป็นเพราะการแสดงพระสูตรของพระพุทธองค์ เหตุใดพระภิกษุอื่นไม่กระอักเลือดไปด้วยเล่า
ขอถวายพระพร นี่เป็นด้วยผลของความชั่วที่ตัวกระทำไว้เป็นเหตุ จึงเกิดผลร้ายเฉพาะแต่ผู้กระทำชั่วนั้น
ม. แต่ข้าพเจ้ายังคิดว่า ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระสูตรนั้นเสียเลย ผลร้ายนั้นก็คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่
น. อาตมภาพขอเปรียบถวาย ธรรมดาช่างไม้ถ้ามัวเสียดายเนื้อไม้อยู่ จะกระทำไม้ที่คดงอให้ตรงได้หรือไม่
ม. ไม่ได้สิพระคุณเจ้า ตรงไหนคดงอมีแง่มีงอน ก็ต้องถากทิ้งเสีย ไม้นั้นจึงจะตรงได้ตามความประสงค์
น. ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกับช่างไม้นั้น กล่าวคือ พุทธบริษัทเหล่าใดคดงอจนทรงกระทำให้ตรงด้วยอาการปกติไม่ได้
พระองค์ก็ต้องถากทิ้งเสียโดยทรงแสดงโทษของความชั่วอย่างหนัก ให้เกิดความเกรงกลัว และให้ได้รับโทษเพื่อจะได้หลาบจำไม่กระทำต่อไปอีก
การแสดงพระธรรมเทศนานี้ จึงเป็นการดัดนิสัยของผู้ฝ่าฝืนพระพุทธบัญญัติให้ละความประพฤติผิด หันมาดำเนินทางที่ถูกที่ควร
แล้วได้บรรลุมรรคผลตามอุปนิสัยความสามารถของแต่ละคน
อนึ่ง ถ้าพระองค์มัวคำนึงถึงความทุกข์เฉพาะของพระภิกษุ ๖๐ รูปนั้น แล้วไม่แสดงพระสูตรนี้
พระภิกษุอีกจำนวนมากก็จะไม่ได้บรรลุมรรคผลตามโอกาสอันควรของตน
ขอถวายพระพร เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องจัดว่า พระพุทธองค์ทรงนำมาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่หมู่ชนทั้งนั้น(สัพพสัตตหิตจรณปัญหา)
ม. จริงอย่างพระคุณเจ้าว่า
|