ดูแบบคำตอบเดียว
  #61  
เก่า 22-03-2011, 09:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,610
ได้ให้อนุโมทนา: 151,798
ได้รับอนุโมทนา 4,412,752 ครั้ง ใน 34,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า สุนทรภู่ท่านบอกว่า "อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน"

จะว่าไปแล้ว ราคะนั้นเป็นตัวสร้างโลกมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่ได้เกิดมาพบพระธรรมกันหรอก แต่เพียงแต่ว่าเราต้องแยกแยะให้ออกว่าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร หรือเป็นกาเมสุสัมมาจาร ? ถ้าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร คือ เราไปละเมิดสิ่งที่เป็นของ ๆ คนอื่น ถ้าเป็นกาเมสุสัมมาจาร อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ในกรอบของศีล ไม่ได้ไปละเมิดของใคร ยินดีในเฉพาะคู่ครองของตนเอง

ถ้าเป็นภาษาบาลีเขาเรียกว่า สทารสันโดษ คือ ยินดีเฉพาะคู่ครองของตน พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามให้มีคู่ แต่ว่าพระอริยเจ้าตั้งแต่อนาคามีขึ้นไป ท่านหมดสภาพมีคู่ไม่ได้เอง ดังนั้น..เราจะเห็นว่านางวิสาขามหาอุบาสิกา หรือว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ก็มีครอบครัวเป็นปกติ เพียงแต่ว่ายินดีเฉพาะในคู่ครองของตน

ดังนั้น..ถ้าขืนห้ามก็ไม่มีคนเกิดมากันพอดี แต่ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าอัตราการเกิดของพุทธของคริสต์จะอย่างไรก็ต่ำอยู่แล้ว แต่ของศาสนาอิสลามศาสนาเดียวเขาเกิดชดเชยได้หมด ศาสนาอิสลามเขาถือว่าการผลิตบุคลากร โดยเฉพาะผลิตศาสนิกด้วยวิธีการแต่งงานตั้งแต่อายุน้อย ๆ เป็นเรื่องปกติของเขาเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-03-2011 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา