ถาม : อะไรที่ทำให้ตัวท่านเปลี่ยนใจจากการปรารถนาพระโพธิญาณ ?
ตอบ : ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะปรารถนาพระโพธิญาณ แต่เกิดจากการที่อาตมาติดตามหลวงพ่อมานาน ในเมื่อหลวงพ่อปรารถนาพระโพธิญาณ เราที่ตามมาทำหน้าที่ ก็เกิดใกล้เคียงกัน จึงเท่ากับเป็นพระโพธิสัตว์ไปโดยปริยาย เรียกว่าเป็นแบบตกกะไดพลอยโจน
ในเมื่อหลวงพ่อท่านเปลี่ยน อาตมาก็เลยเปลี่ยนบ้างเท่านั้นเอง
ถาม : จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้ ?
ตอบ : ได้..อยู่ที่เราเอง ถ้าหากกำลังใจมั่นคง จะไปต่อเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าคิดว่าพอเสียที ก็เลิกได้
เพียงแต่ว่าถ้าสร้างมาเยอะแล้ว ต้องไปขออนุญาตพระพุทธเจ้าเพื่อเลิก ถ้าสร้างมาน้อยก็เลิกเองได้ จุดธูปขอลาต่อหน้าหิ้งพระเลย
ถาม : เมื่อไรก็ได้ ?
ตอบ : เดี๋ยวนี้ก็ได้
ถาม : ของหนูยังต้องทำอีกไกลไหม ?
ตอบ : จะเท่าไรก็แล้วแต่ อยู่ที่เราชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบก็ไปต่อเลย ไม่มีใครเขาว่า จะมากจะน้อยก็ทำไป ถ้าบารมีน้อยทำมากหน่อยเดี๋ยวก็มากเอง ถ้าบารมีมากอยู่แล้วทำอีกหน่อยเดี๋ยวก็เต็ม เท่านั้นเอง
ถาม : แล้วหนูควรทำสายไหน ?
ตอบ : สายไหนก็ทำไปเถอะ ลงท้ายที่นิพพานทั้งหมด
ถาม : ได้หรือคะ ไม่แย้งกัน ?
ตอบ : จะมีอะไรแย้งกัน ? ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระพุทธเจ้าสอนมาไม่มีแย้งกันแม้แต่นิดเดียว การที่บอกว่าสายนั้นสายนี้ เกิดจากครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและปฏิบัติตาม แต่ว่าทั้งหมดมาจากพระไตรปิฎก มาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 09:51
|