ในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น ส่วนที่เป็นพื้นฐานสำคัญมี ๒ อย่าง ก็คือ พื้นฐานจากทานแต่ดั้งเดิมของเรามา ถ้าท่านมีการให้ทานเป็นปกติ พื้นฐานของทานก็จะสร้างโภคสมบัติต่าง ๆ ให้เกิดแก่เรา พระคาถาเงินล้านก็จะช่วยเสริมได้มาก แต่ถ้าหากพื้นฐานของเราประกอบด้วยทานบารมีน้อย คำว่าน้อยไม่ได้หมายถึงทำน้อย แต่แปลว่านาน ๆ ทำครั้ง ญาติโยมหลายท่านอาจจะทำบุญปีละครั้ง แต่ครั้งหนึ่งถวายเป็นแสนเป็นล้านเลย นั่นไม่ได้แปลว่าทำมาก แต่ท่านทำน้อยคือน้อยครั้ง ทำให้สภาพจิตไม่เคยชินกับการสละออก แต่ท่านที่ทำบุญน้อย ๆ ครั้งหนึ่ง ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ท่านได้ทำบ่อย ๆ สภาพจิตเคยชินกับการสละออกมากกว่า ตัดความโลภจากใจได้มากกว่า ถือว่าท่านทำมาก
ดังนั้น...ในการให้ทานถือว่าเป็นพื้นฐานใหญ่ส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้พระคาถาเงินล้านได้ผลมาก ขณะเดียวกัน ตัวสมาธิภาวนาก็เป็นพื้นฐานอีกส่วนหนึ่ง ถ้าสมาธิภาวนาท่านทั้งหลายทรงตัว ยิ่งทรงตัวสูงเท่าไร พระคาถาก็ให้ผลมากเท่านั้น แล้วญาติโยมบอกว่า “ถ้าสมาธิของผม ของดิฉัน หรือของหนูมีนิดเดียวเท่านั้น แล้วจะให้คาถาให้ผลอย่างไร ?” อาตมาถึงได้บอกว่าให้ภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ ก็คือ พอระยะเวลายาวนานขึ้น สมาธิก็จะทรงตัวมากขึ้น ถ้าสามารถทำได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ๒ เดือนขึ้นไป แล้วลองพิจารณาดู บางท่านหน้าที่การงานไหลมาเทมา เหนื่อยจนกระทั่งบ่นอยากจะเลิกภาวนา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2015 เมื่อ 08:08
|