๗. “กลัวการเกิดให้มาก ๆ อย่ากลัวความตาย อย่ากลัวความเหนื่อย อย่ากลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอริยสัจ เป็นทุกขสัจของการมีอัตภาพร่างกายเป็นกฎของธรรมดา”
๘. “จงกำหนดจิตยอมรับกฎของธรรมดาหรืออริยสัจนี้เป็นชาติสุดท้าย ให้รู้จักเข็ดทุกข์อยู่ในจิต ไม่ขอกลับมาเกิดให้พบทุกข์เยี่ยงนี้อีก”
๙. “อย่าบ่นเมื่อทุกข์มาเยือน อย่าลิงโลดเมื่อสุขทางโลกมาเยือน จงพยายามทรงอารมณ์จิต ให้เบื่อหน่ายในอารมณ์กามฉันทะและปฏิฆะนั้น ๆ และทรงพรหมวิหาร ๔ ให้จิตมีกำลัง วางทุกข์ วางสุขนั้น ๆ โดยมีความรัก ความสงสารจิต ของตนเองเป็นประการสำคัญ”
๑๐. “หมั่นทรงอารมณ์เฉยเข้าไว้ *ใหม่ ๆ อาจจะทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็อย่าท้อแท้ใจ เฉยน้อย ๆ จักเป็นอารมณ์เฉยใหญ่ได้ในภายภาคหน้า* จนกระทั่งเข้าสู่สังขารุเบกขาญาณได้ในที่สุด”
๑๑. “อย่าลืมนึกถึงความตายเข้าไว้เสมอ เป็นการตัดอารมณ์กามฉันทะและปฏิฆะเข้าไว้ หากเจ้าคิดว่าร่างกายจักตายในขณะจิตนี้เสียอย่าง อารมณ์จักระงับได้ง่าย เพราะมัวแต่ตกเป็นทางของอารมณ์ ตายไปก็ไม่ถึงพระนิพพาน”
๑๒. “อย่าลืมคิดตามนี้ให้จิตมันชิน จักได้คลายความประมาทในธรรมที่เข้ามากระทบลงได้”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-07-2010 เมื่อ 15:14
|