ตอนรับสังฆทานพอดีฝนตก พระอาจารย์จึงกล่าวให้ฟังว่า "พวกเรามักจะเข้าใจว่า หน้าที่ในการทำฝนเป็นของพระพิรุณอย่างเดียว...นั่นไม่ใช่นะ จริง ๆ แล้วมีทั้งวายุเทพบุตร วลาหกเทพบุตร สีตเทพบุตร ปชุนเทพบุตร วิรุณเทพบุตร "
ถาม : ถ้าคนทั่วไปด่าเทวดาเวลาฝนตกหนักอย่างนี้ บาปไหมครับ ?
ตอบ : เขากำลังสร้างวจีกรรม ในเมื่อเป็นกรรม จะมากจะน้อยก็ต้องมีโทษ
ถาม : แล้วถ้าเทวดาที่ท่านทำหน้าที่เป็นพระอริยเจ้า เท่ากับว่าเราปรามาสพระรัตนตรัย?
ตอบ : เจตนาในการปรามาสไม่มี เพราะเขาตั้งใจแค่ด่าคนทำฝน ในเมื่อไม่ได้เจตนาด่า ถึงมีโทษก็ไม่หนักเท่าด่าพระอริยเจ้าโดยตรง
พูดถึงตอนนี้นึกถึงยายของเจ้าแตงนวล บ้านของยายอยู่เลยโรงเรียนประถมบ้านท่าซุงไปประมาณ ๔๐๐ เมตร ยายเขาใส่บาตรทุกวัน แต่ยายใส่บาตรตอนพระท่านกลับ เราเดินสายใต้ ขากลับผ่านบ้านยาย ยายก็จะมาใส่บาตรทุกวัน
ทีนี้มีหมาอยู่ตัวหนึ่ง ถึงเวลาเห็นพระก็วิ่งตาม เพราะคนแก่เวลาใส่บาตร มือสั่น ข้าวหก หมาก็จะเก็บกิน พอได้กินบ่อย ๆ มันจำว่า ถ้าพระมาได้กินแน่ มันก็ตามพระ ตามไปตามมา มันจำได้ว่าบ้านไหนบ้างที่ใส่บาตร มันก็เดินนำหน้าไปเลย
เดินนำมาหลายทีก็ไม่มีปัญหาอะไร วันนั้นยายเขาอารมณ์เสียอะไรมาก็ไม่รู้ พอเดินมาจะใส่บาตร แกเห็นหมาเท่านั้นแหละ ด่าลั่นเลย "อีห่..นี่ มึงเดินนำหน้าหมาเชียวนะ..!"
ด่าเสร็จเรียบร้อยยายก็ยืนงงอยู่พักหนึ่ง "อุ๊ยตาย..ขอโทษเจ้าค่ะ ดิฉันตั้งใจด่าพระ ไม่ได้ตั้งใจด่าหมาค่ะ..!"
ฉะนั้น..ประเภทเดียวกันกับยาย นั่นเขาตั้งใจด่าเทวดา ไม่ได้ด่าพระอริยเจ้า ถ้าจะเอาโทษปรามาสพระอริยเจ้าก็คงจะเบาหน่อย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2010 เมื่อ 03:37
|