ตรงจุดนี้แหละที่ได้เจอ
หลวงปู่มหาอำพัน เพราะว่าประมาณ ๖ โมงเย็น หลวงปู่มหาอำพันท่านก็จะเดินยิ้มหวานมา
พี่เอ๊าะที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเขาจะไปรับหลวงปู่ทุกครั้ง รับตรงเวลา ส่งตรงเวลาทุกครั้ง
คนอื่นพอเห็นหลวงปู่เดินมาก็กราบกันใหญ่ คนอื่นเขากราบต้องพระดีแน่ ๆ อาตมาก็กราบบ้าง ก็คลานเข้าไปหาหลวงปู่ บอกแล้วว่า
อาตมาตอนเด็ก ๆ นอกจากกลัวใครไม่เป็น แล้วยังถามแหลก ตอนนั้นหลวงปู่ท่านเป็นพระครู ท่านก็บอกว่าท่านชื่อ
พระครูปัญญาภรณ์โศภณ แต่เห็นคนอื่นเขาเรียก
"หลวงน้า..หลวงน้า" วัยอย่างอาตมาจะเรียกหลวงน้าไม่ได้หรอก เรียกหลวงปู่ตั้งแต่แรกเลย
เห็นหลวงปู่ท่านนั่งเฉย ๆ นั่งเงียบ ตรงหน้าท่านมีขันอยู่ใบหนึ่ง คนอื่นก็ใส่สตางค์ทำบุญ อาตมานั่งเฉย ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยถามหลวงปู่ว่า
ผมนวดให้ได้ไหมครับ ? หลวงปู่ก็บอกว่า
แล้วแต่คุณจะเมตตา อาตมาก็นวดให้ พอถึงเวลาประมาณ ๖ โมงกว่า ๆ หลวงพ่อท่านก็ลงมา ก็จะทักทายหลวงปู่เป็นประจำ ถามตอบกันอยู่แค่ ๑ ประโยค หรือ ๒ ประโยค
อ้อ หลวงน้ามาแล้วหรือ ?
ครับผม
ไม่ได้พูดอะไรกันมากมายไปกว่านี้เลย หลวงพ่อท่านลงมาคนก็ถวายสังฆทานกัน พอทุ่มครึ่งท่านก็เริ่มสอนกรรมฐาน พอเจริญกรรมฐานเสร็จ อาตมาก็ลากลับ เป็นอย่างนี้อยู่นาน แต่ว่า
ช่วงนั้นพอรู้จักหลวงปู่แล้ว อยู่ใกล้ท่านแล้วรู้สึกสบายใจ เย็นใจ สบายใจ ก็เลยตามไปหาท่านที่วัดเทพศิรินทร์ฯ กลายเป็นว่า ช่วงที่หลวงพ่อท่านไม่อยู่อาตมาก็ไปวัดเทพศิรินทร์ฯ มาตอนหลังพอวันเกิดหลวงพ่อ
หลวงปู่ธรรมชัยท่านมา พอรู้จักหลวงปู่ธรรมชัยก็ไปหาท่านอีก ตกลงว่า
ช่วงนั้นองค์ไหนมาอาตมาก็ตามไปถึงวัดเลย ตามไปตามมา รู้จักพระมากขึ้น แต่ว่าเรื่องของการทำบุญที่บ้านสายลมก็ยังคงอยู่ในลักษณะเดิม