ดูแบบคำตอบเดียว
  #18  
เก่า 29-02-2016, 11:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนรับวุฒิบัตร พระอาจารย์กล่าวว่า "ขออนุโมทนากับทุกท่านที่เข้าร่วมปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะมีชื่อหรือไม่มีก็ตาม คนไม่มีชื่อบางทีก็แค่ตอนตรวจสอบรายชื่อแล้วมาไม่ทันเท่านั้น แต่ยังอุตส่าห์มีกำลังใจอยู่ปฏิบัติจนจบได้ ถือว่ามีกำลังใจสูงมาก

ปกติแล้วเขาจะมีพิธีลาศีล ๘ รับศีล ๕ แต่เนื่องจากว่าศีลนั้นจะเป็นศีลหรือไม่อยู่ที่เราตั้งใจงดเว้น ดังนั้น...จึงไม่จำเป็นต้องรับศีล ใครจะรักษาศีล ๕ ก็ลดลงไปรักษาศีล ๕ ของตน แต่ถ้าสามารถรักษาศีล ๘ ได้ ก็จะช่วยเอื้อในการปฏิบัติมากขึ้น เพราะตัดความห่วงใยกังวลไปได้หลายอย่าง ขณะเดียวกัน สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำได้หรือว่าได้ทำในขณะนี้ เมื่อกลับไปให้พยายามระมัดระวังรักษา ประคับประคองเอาไว้ เพื่อที่สภาพจิตของเราจะได้ห่างไกลจากรัก โลภ โกรธ หลง ช่วยให้มีสภาพจิตที่ผ่องใส ไม่ต้องทุกข์ทรมานอยู่กับกระแสกิเลสต่าง ๆ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลที่ทรงฌานได้ มารจะมองไม่เห็น” แค่ปฐมฌานเท่านั้นเอง แต่อย่าหลุดนะ...หลุดเมื่อไรมารจะเห็นทันที เหตุที่มารมองไม่เห็นเพราะว่า สภาพจิตที่ทรงฌานได้นั้น รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นเสนามาร บริวารของมาร โดนกดดับสนิทลงชั่วคราว ทำให้มารไม่เห็นช่องที่จะทำอันตรายได้

ดังนั้น...เมื่อปฏิบัติจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว
ท่านทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องรักษาประคับประคองเอาไว้ จนกระทั่งเราสามารถทรงฌานได้ บุคคลที่ทรงปฐมฌานละเอียดได้มีสิทธิ์ตัดกิเลสในระดับโสดาบันและสกทาคามี ถ้าจะเอาระดับอนาคามีขึ้นไป ต้องทรงฌาน ๔ ละเอียดได้ ไม่อย่างนั้นกำลังไม่พอที่จะละราคะและโทสะลงได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-02-2016 เมื่อ 13:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา