ดูแบบคำตอบเดียว
  #52  
เก่า 09-06-2018, 16:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,126 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรม ก็คือการที่เราปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส

คราวนี้การปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ เราจะเข้าใจว่าเป็นการนั่งสมาธิ ซึ่งก็ยังดีที่เข้าใจเช่นนั้น เพราะว่าถ้าอย่างน้อยกำลังสมาธิทรงตัว ก็กดกิเลสลงได้ชั่วคราว ทำให้สภาพจิตของเราผ่องใสไประยะหนึ่ง ถ้าไม่ได้ทำต่อเนื่อง ถึงเวลากิเลสตีกลับก็มัวหมองใหม่ แต่ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนาน สภาพจิตยิ่งผ่องใส ก็จะเกิดปัญญาเห็นว่า จะชำระกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง แต่ละตัวให้หมดไปอย่างไรบ้าง

ดังนั้น การที่เรามาปฏิบัติธรรม อันดับแรกเลยก็คือ สร้างความดีให้เกิดขึ้นในใจของเรา หลังจากนั้นก็เพิ่มความดีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเติมน้ำจืดลงในน้ำเค็ม ถ้าเติมมากพอ น้ำเค็มไม่ได้หายไปไหน แต่รสเค็มไม่ได้ปรากฏ เพราะว่าน้ำจืดมีปริมาณมากกว่า พอถึงเวลาทำไปแล้วก็กลายเป็นความดีเฉพาะตัว

ความดีเฉพาะตัวเขาเรียกว่า คุณธรรม พอเรามีความดีเฉพาะตัวเวลาไปไหนคนเขาเห็นว่าเรามีศีลมีธรรม ก็ให้เกียรติยกย่อง คนที่อยากเป็นแบบนั้นบ้างก็ทำตาม การที่คนอื่นเลียนแบบทำตาม เขาเรียกว่า จริยธรรม

จะเห็นได้ว่าในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมนั้น ศีลธรรมต้องมาก่อน ปฏิบัติตามศีลตามธรรมจนเกิดความดีเฉพาะตัวจนเกิดเป็นคุณธรรม เมื่อคนอื่นเห็นว่าความดีเป็นสิ่งที่ดี อยากทำตาม เมื่อเริ่มมีคนทำตามก็เป็นจริยธรรม เป็นแบบอย่างแก่เขาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2018 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา