ดูแบบคำตอบเดียว
  #168  
เก่า 05-03-2013, 10:49
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

นอกจากสัตว์ป่าแล้ว ยังมีไข้ป่าชุกชุมมากอีกด้วย จนหลวงปู่มั่นต้องสั่งให้พระเณรที่ไปกราบเยี่ยมให้รีบออกถ้าจวนเข้าหน้าฝน ถ้าเป็นหน้าแล้งก็อยู่ได้นานขึ้น แม้หลวงปู่มั่นเองเข้ามาวัดป่าบ้านหนองผือแรก ๆ เพียงไม่กี่วันก็เริ่มป่วยเป็นไข้มาเลเรียแบบจับสั่นชนิดเปลี่ยนหนาวเป็นร้อน และเปลี่ยนร้อนเป็นหนาวแล้ว ซึ่งเป็นการทรมานอย่างยิ่งอยู่แรมเดือน ไข้ชนิดนี้หากเป็นแล้วไม่หายง่ายตั้งแรมปีก็ไม่หาย บางทีหายไป ๑๕ วันหรือเดือนหนึ่งแล้ว จนนึกว่าหายสนิทก็กลับมาเป็นเข้าอีก หากผู้ใดป่วยเป็นไข้มาเลเรียต้องใช้ความอดทนมาก เพราะยาแก้ไข้ไม่มีใช้กันเลยในวัด เพราะยาหายากไม่เหมือนสมัยทุกวันนี้

ไข้ประเภทนี้ ชอบเป็นกับคนที่เคยอยู่บ้านทุ่งแล้วย้ายไปอยู่ในป่าตามไร่นา แม้คนที่เคยอยู่ป่าเป็นประจำมาแล้วก็ยังเป็นได้ แต่ไม่ค่อยรุนแรงเหมือนคนมาจากทางทุ่ง และชอบเป็นกับพระธุดงคกรรมฐานที่ชอบเที่ยวซอกแซกไปตามป่าเขาโดยมาก สำหรับตัวท่านเอง เมื่อมาอยู่ที่บ้านหนองผือแรกนี้ก็เป็นไข้มาเลเรียด้วยเช่นกัน เป็นตลอดพรรษาถึงหน้าแล้งก็ยังไม่ยอมหายสนิทได้เลย มีคนถามว่าท่านเคยเป็นไข้มาเลเรียไหม ท่านตอบทันทีว่า
“โธ่ !..เป็นมาไม่รู้เป็นกี่ครั้ง ผมบนศีรษะโกนให้โล้นแล้ว ไม่แล้ว.. มันยังร่วงอีก ไข้มาเลเรียนี้มันร้อน ปากนี่เปื่อยหมด”


ช่วงที่เป็นไข้มาเลเรียอยู่นั้น มีอยู่วันหนึ่งในตอนกลางวันปรากฏว่าไข้เริ่มหนักแต่เช้า ท่านจึงไม่ไปบิณฑบาตและไม่ฉันจังหันด้วย ในวันนั้น ท่านพยายามต่อสู้กับทุกขเวทนาด้วยการพิจารณา พอถึงเวลาบ่าย ๓ โมง ไข้จึงสร่างปรากฏว่ากำลังเรี่ยวแรงอ่อนเพลียมาก จึงเพ่งจิตให้อยู่กับจุดใดจุดหนึ่งของทุกขเวทนาที่กำลังกำเริบหนัก โดยไม่คิดทดสอบแยกแยะเวทนาด้วยปัญญาแต่อย่างใด

ในจังหวะเวลานั้น เป็นเวลาที่หลวงปู่มั่นท่านพิจารณาธรรมบางประการ จึงเห็นท่านกำลังปฏิบัติอยู่เช่นนั้นพอดิบพอดี

พอบ่าย ๔ โมง ท่านเข้าไปหาหลวงปู่มั่น จึงถูกตั้งปัญหาถามขึ้นในทันทีว่า
“ทำไมจึงพิจารณาอย่างนั้นเล่า ? การเพ่งจิตจ้องอยู่ .. ไม่ใช้ปัญญาพิจารณาแยกแยะ กาย เวทนา จิต ให้รู้เรื่องของกันและกัน ท่านจะทราบความจริงของกาย ของเวทนา ของจิตได้อย่างไร ? แบบท่านเพ่งจ้องอยู่นั้นมันเป็นแบบฤๅษี แบบหมากัดกัน ไม่ใช่แบบพระผู้ต้องการทราบความจริงในธรรมทั้งหลาย มีเวทนา เป็นต้น


ต่อไปอย่าทำอย่างนั้น มันผิดทางที่จะให้รู้ให้เห็นความจริงทั้งหลาย ที่มีอยู่ในกาย ในเวทนา ในจิต ตอนกลางวันผมได้พิจารณาดูท่านแล้ว ว่าไม่ใช้สติปัญญา คลี่คลายดูกาย ดูเวทนา ดูจิตบ้างเลย พอเป็นทางให้สงบและถอดถอนทุกขเวทนาในเวลานั้น เพื่อไข้จะได้สงบลง”

นี่คือ ความสามารถออกรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้โดยตลอดของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น พระอรหันต์ยุคปัจจุบัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา