ดูแบบคำตอบเดียว
  #163  
เก่า 25-01-2013, 09:26
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เรื่องบิณฑบาต พอหกโมงเช้าธรรมเนียมบ้านหนองผือ เขาก็ตีขอ (เกราะ) ไม้ตะเคียนเป็นสัญญาณ ดังไกลเป็นสามบทติด ๆ กัน หมายความว่าพอเตรียมตัวใส่บาตรแล้ว (พวกเราชาวบ้าน) แต่พอพระผ่านละแวกบ้าน เขาก็ตีขออีกสามบท เขารวมกันเป็นกลุ่มยืนเรียงรายกันเป็นทิวแถว แต่ละกลุ่มเขามีผ้าขาวปูม้ายาว ๆ ไว้เรียบ ๆ ส่วนม้านั่งของหลวงปู่มั่น เขาทำพิเศษต่างหาก.. สูงกว่ากัน พอยืนรับบิณฑบาตแล้วก็นั่งให้พรเขาพร้อมกัน ไปกลุ่มอื่นอีกก็เหมือนกัน มีสามกลุ่มแล้วก็กลับวัด

หลวงปู่มั่นค่อยกลับตามหลังกับพระผู้ติดตามองค์หนึ่ง ตามหลังกลับมาด้วย มีโยมผู้ชายรับบาตร พระผู้ใหญ่มาวัด.. วันละสี่ห้าหกคนไม่ขาด ฝ่ายพระผู้น้อยที่กำลังถือนิสัยและเณรก็ดี รีบกลับให้ถึงวัดก่อน เพื่อจะได้ทันข้อวัตรของครูบาอาจารย์ เป็นต้นว่า ล้างเท้า เช็ดเท้า รับผ้าสังฆาฏิและจีวร หรือเตรียมแต่งบาตรแต่งพก เป็นต้น

แต่ในฤดูพรรษา พระเณรทั้งหลายเข้าเขตวัดแล้วไม่รับอาหารอีก จะได้จัดแจงแต่งถวายแต่เฉพาะหลวงปู่ มีบดอาหารใส่ครกบ้าง ซอยผัก บดในครกให้ละเอียดบ้าง เพราะองค์ท่านจะเคี้ยวไม่ละเอียดเพราะไม่มีฟัน ใช้ฟันเทียมแทน แล้วก็จัดข้าวใส่บาตร องค์ท่านมีข้าวเจ้าปนบ้าง ส่วนกับนั้นจัดใส่ภาชนะถวายวางไว้ใกล้ แล้วองค์ท่านเอาใส่เอง

องค์ท่านฉันรวมในบาตรทั้งหวานและคาวด้วย ไม่ซดช้อนด้วย โอวัลตินนั้นเอาใส่แก้วไม่ใหญ่โต ขนาดกลาง ใส่พอดีพอครึ่งแก้วตั้งไว้มีฝาครอบ พอฉันอาหารอิ่ม องค์ท่านก็ฉันประมาณสามสี่กลืน ไม่หมดแก้วสักวัน แต่ก่อนจะลงมือฉันก็ให้พรเป็นพิธีพร้อมกัน.. ธรรมฯ บ้าง สัพพะพุทธาฯ บ้าง ถ้าวันข้าวประดับดินและวันสารท.. ก็สวดพาหุงฯ บ้าง

การให้พร (โดยที่) ไม่ประนมมือ (หรือ) ทั้งสวดพาหุงฯ ทั้งใส่บาตรขณะเดียวกัน (นั้น) องค์ท่านไม่พาทำเลย เพราะถือว่าไม่เป็นการเคารพธรรม ใส่บาตรเรียบร้อยก่อนจึงสวด ถ้าไม่สวดก็ให้พรธรรมดา และก่อนจะลงมือฉัน องค์ท่านก็ทอดสายตาลงพิจารณาอาหารในบาตรอยู่สักครู่ พอควรแล้วจึงลงมือฉัน และ (ถ้า) พระเณรยังไม่เสร็จ ยังจัดแจงของเจ้าตัวแต่ละรายยังไม่เสร็จตราบใด องค์ท่านก็ยังไม่ลงมือฉันก่อน เมื่อลงมือฉันแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ องค์ท่านก็ไม่กล่าวไม่พูดอันใดขึ้น ถ้าจำเป็นจริง ๆ กลืนคำข้าวแล้วจึงพูด แต่น้อยที่สุด เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก มีสติอยู่กับความเคลื่อนไหวของกาย ในการจะหยิบ จะวาง จะเหยียดแขน คู้แขน แลซ้าย แลขวา...

สำหรับองค์หลวงตาเองก็มั่นคงในข้อบิณฑบาต.. ซ้อนผ้าสังฆาฏิโดยเคร่งครัดเสมอมา แม้เหงื่อจะออกจนจนเปียกโชกก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค

“ไปบิณฑบาตกลับมา ผ้าอังสะเปียกหมดเลย คือเปียกเหงื่อ ไปบิณฑบาตกลับมา ที่เราพูดอย่างนี้คือเราเคยเป็นแล้ว กำลังหนุ่มน้อยนี้ โอ๋ย...เหงื่อ..กลับมานี่จีวรเปียกหมดเลย สังฆาฏิซ้อนกันเปียกเป็นอันดับสาม อันดับหนึ่งจริง ๆ คืออังสะ เหมือนซัก อันดับสองจีวร คล้ายซัก อันดับสามสังฆาฏิ ส่วนสบงไม่ต้องพูด เปียกหมดเลย กำลังหนุ่มน้อยเหงื่อออกง่ายมาก”


================================

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2013 เมื่อ 09:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา