อาตมาเปรียบเทียบให้ฟังไปหลายทีแล้วว่า ถ้าเราต้องการจะออกจากโลกนี้ไปสู่ห้วงอวกาศ เราก็ต้องสร้างจรวด ต้องหาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลว ก็ไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันตัน ราคากี่หมื่นกี่แสนล้าน ส่งตัวเองให้หลุดพ้นแรงดึงดูดของโลก ไปลอยเท้งเต้งอยู่ในห้วงอวกาศของสุริยจักรวาล ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่ในจักรวาลนี่แหละ ก็คืออยู่ในระบบของสุริยจักรวาล Solar System
คราวนี้อยากจะไปให้ไกลกว่านั้น ก็ต้องขวนขวายเชื้อเพลิงอีก สิ้นเปลืองอีกไม่รู้เท่าไร ส่งตัวเองให้พ้นสุริยจักรวาล ไปติดอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก ที่ฝรั่งเรียกว่า Milky Way Galaxy เอ้า...สรุปว่าไปยันโน่นแล้วก็ยังไม่ไปไหน ยังติดแหง็กอยู่แค่นั้นอีก ต้องขวนขวายหาเชื้อเพลิงหาต้นทุนใหม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร กว่าจะดีดตัวเองหลุดพ้นจากดาราจักรทางช้างเผือก ก็ไปติดอยู่ในเอกภพ ก็คือแหล่งรวมดาราจักรและเนบิวลาต่าง ๆ ที่เรียกว่า Universe ในภาษาอังกฤษ
ไม่ได้ไปไหนเลย ยังอยู่แค่นั้นแหละ เอ้า...ขวนขวายหาพลังงานเพิ่มเติมอีกประมาณไม่ได้ พาตัวเองหลุดพ้นจากเอกภพไป ก็เพิ่งจะไปติดอยู่แค่ชายขอบของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช โอ้...พระเจ้า สั่งสมกำลังกี่ชาติ หมดงบประมาณไปก็ไม่รู้ ? ไปได้แค่นั้นเอง..!
แต่พระพุทธเจ้าของเราสอนให้เราประพฤติใน ทาน ศีล ภาวนา เบื้องต้นก็ไปถึงตรงนั้นแล้ว แล้วพระองค์ยังหลุดพ้นจากกามาวจร หลุดพ้นจากรูปาวจร หลุดพ้นจากอรูปาวจร หลุดพ้นไปยังพระนิพพาน กำลังมหึมามโหฬารขนาดนั้น มีใครประมาณได้บ้าง ? บาลีถึงได้บอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าไม่มีใครประมาณได้
เดี๋ยวจะทำบวงสรวง พวกเรากราบขอบารมีพระองค์ท่านสงเคราะห์กันเอง อย่าลืมนะว่า สร้างเหตุให้พอแล้วผลจะเกิด ถ้าสร้างเหตุไม่พอ ไปอธิษฐานขอให้ตาย ก็ไม่ได้อะไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2020 เมื่อ 13:24
|