พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่ากลัวอ้วน แต่ให้รู้จักประมาณในการกิน ถ้าหากว่ากินน้อยแล้วอ้วนแสดงว่าระบบเมตาบอลิซึ่มในร่างกายของเราพิลึกกว่าชาวบ้านเขา แต่ก็ประหยัดดี ส่วนพวกกินมากแล้วไม่อ้วนอย่างอาตมาถือว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก..!
สาว ๆ สมัยนี้จะไปคุ้มคลั่งอะไรกับการอดข้าว ? การลดน้ำหนักที่แน่นอนคือทำงานหรือไม่ก็ออกกำลังกาย ทำงานไปทั้งวันเช้ายันค่ำ ดูสิว่าจะอ้วนไหม ? ส่วนใหญ่ที่อ้วนก็คือนั่ง ๆ นอน ๆ กินเสร็จแล้วก็นั่งเขี่ยไลน์ นอนเขี่ยไลน์ ถ้าแบบนี้รับประกันว่าเดือนเดียวเห็นผล..!
อะไรที่พอดีจะมีประโยชน์ อะไรที่ไม่พอดีก็จะมีโทษ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาวิเคราะห์ว่าออกซิเจนทำให้ร่างกายสดชื่น คลอโรฟิลทำให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มาก แล้วก็ให้พวกเราซื้อมากิน อาตมาเห็นว่ามีโทษแน่ ๆ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลยว่า มีธาตุไฟที่กระตุ้นร่างกายให้เจริญเติบโต และก็มีธาตุไฟที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง
อาตมาเห็นคนที่กินน้ำผัก กินคลอโรฟิล กินน้ำออกซิเจน เหี่ยวดูไม่ได้เลย ร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติ เนื่องจากออกซิเจนเกิน ก็ไปผลาญเซลล์ในร่างกาย ดังนั้น...เราจะเห็นในพระอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสในเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา ใช้ได้ทุกเรื่องจริง ๆ อะไรที่ไม่พอดี เกินหรือขาดก็จะก่อให้เกิดโทษ
แต่โยมคนนั้นเขาไม่รู้ตัวนะ ที่ไม่รู้ตัวเพราะว่าเหมือนกับเสพติดไปแล้ว เขาบอกว่าสดชื่นดี น่าจะอายุสั้นกว่าปกติไปหลายปี อยากแข็งแรงต้องออกกำลังกาย กินอาหารให้ถูกหลัก แต่ไม่ต้องกินครบ ๕ หมู่ อย่างอาตมาได้แค่หมู่ ๑ หมู่เดียว พระครูแสงเคยเดินหาอาหารกินแค่ ๒ หมู่ ยังบอกว่าขาอ่อนเลย โดยเฉพาะแค่สหกรณ์นิคม ๘๐,๐๐๐ ไร่ก็มีตั้ง ๒ หมู่ ไม่ต้องไปกินครบ ๕ หมู่หรอก ตายก่อนแน่ ๆ...!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2016 เมื่อ 02:54
|