ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 22-06-2011, 11:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,827 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การจะเป็นคนดีในความหมายของพระพุทธเจ้านั้น นอกจากต้องละเว้นความชั่วทั้งปวงแล้ว ยังต้องทำความดีให้ถึงพร้อม จะว่าไปแล้วทั้ง ๒ ข้อนี้เป็นเหรียญเดียวกันแต่คนละหน้าเท่านั้น

การเว้นจากความชั่วทั้งปวงก็คือ การเว้นจากการทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ที่เรียกว่า กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เราต้องเว้นจากทุจริตทั้ง ๓ นี้

การทำความดีให้ถึงพร้อมนั้น ก็คือการทำความดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คือการประพฤติปฏิบัติในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราเว้นความชั่วก็ดี หรือทำความดีก็ตาม ไม่ว่าจะทำด้านใดด้านหนึ่งก็เท่ากับได้อีกด้านหนึ่งไปด้วย เพราะอย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า ๒ ข้อนี้เป็นเหรียญเดียวกัน แต่คนละหน้าเท่านั้น

เพื่อความเคยชินจะกล่าวถึงการปฏิบัติเฉพาะในส่วนของความดี เพราะว่าถ้าเราทำดี ก็คือเราเว้นชั่วโดยอัตโนมัตินั่นเอง การทำความดีด้วยกายสุจริตนั้น ก็คือการเว้นจากการฆ่าสัตว์ การทรมานสัตว์ให้ลำบากโดยเจตนา เว้นจากการลักขโมย หยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ไม่ละเมิดของรักของผู้อื่น ไม่ละเมิดคนรักของผู้อื่น

การประพฤติในวจีสุจริตนั้น คือการเว้นจากการโกหก เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดวาจาที่ไร้ประโยชน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2011 เมื่อ 19:49
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา