ในเรื่องของบุญ ญาติโยมจำนวนมากเคยทำบุญด้วยความปีติอิ่มเอิบใจ ทำเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อไม่หน่าย แต่พอมาระยะหลังรู้สึกว่า ทำไมมันเฉย ๆ กำลังใจมันลดลงหรืออย่างไร? ขอยืนยันว่าไม่ได้ลดลงนะจ๊ะ เพียงแต่ว่าตอนที่ทำด้วยความปลาบปลื้ม มันเป็นตัวปีติในทาน แต่ว่าหลังจากที่ทำไประยะหนึ่งเกิดความเคยชิน เขาเรียกว่า อุเบกขาในจาคานุสติกรรมฐาน ก้าวข้ามความยินดีไปแล้ว
ขอให้สังเกตว่าแม้ว่าจะเฉย ๆ ในการทำทานก็ตาม แต่เราก็ยังทำด้วยความเต็มใจ สละออกได้ด้วยความเป็นปรกติของเรา ดังนั้นท่านทั้งหลายกำลังใจไม่ได้ลดลง นานไป ๆ ก้าวขึ้นสู่ในระดับที่สูงขึ้นไป ถ้าเกาะท้ายด้วยอุเบกขาบารมีในจาคานุสติอย่างเดียว ท่านทั้งหลายจะก้าวเข้าสู่ในขอบเขตของความเป็นพระอริยเจ้าได้ง่ายมาก
อุเบกขาในจาคานุสตินั้น ก็คือการที่เราเห็นในสิ่งที่เป็นบุญเป็นทาน แล้วเราก็ยิ่งเร่งทำ ทำแล้วก็ไม่ได้ไปคิดว่าจะได้ผลอย่างไร ทำแล้วก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะเอาไปใช้อย่างไร ทำแล้วก็ปล่อยวางไปใส่ใจในเรื่องอื่น รู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรก็ทำ ถ้าวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ กำลังใจก็จะสูงขึ้นอีกมาก
หลายต่อหลายท่าน ทำทานแล้วไม่สามารถจะปล่อยวางได้ ยังตามดูอยู่ ยังตามไปเฝ้า ว่าเขาได้ใช้ ได้ฉัน ในสิ่งที่เราถวายไปหรือไม่ กำลังใจประเภทนั้นท่านบอกว่าอ่อนมาก ยังเป็นกำลังใจที่พ้นจากกามาวจรไม่ได้ พูดง่าย ๆ ว่า เวียนตายเวียนเกิดอยู่ ดังนั้นท่านทั้งหลายต้องปรับกำลังใจของตน ให้ก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่านั้น
หลายท่านก้าวสู่ระดับนั้นแล้วก็ไม่ทราบว่าตัวเองทำได้ ดังนั้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรมทุกระดับชั้น ถ้าไม่มีอุเบกขาในหลักธรรมนั้น ๆ การเข้าถึงความดีของเราจะเข้าถึงที่สุดได้ยาก เป็นเรื่องที่ทุกท่านควรจะสังวรและพิจารณาดู ว่ากำลังใจของตนเองนั้นเป็นอย่างไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-11-2009 เมื่อ 13:06
|