ดูแบบคำตอบเดียว
  #135  
เก่า 23-07-2017, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีอยู่วันหนึ่งหนูนั่งรถตู้ ...(ไม่ชัด).... อันนี้คือทิพจักขุญาณ ?
ตอบ : ไม่ใช่ อันนี้ก็คือตัวปัญญาเลย แต่ว่าเป็นปัญญาในลักษณะของทิพจักขุญาณ ลักษณะของความคล่องตัวแล้วก็ชำนาญ ถ้าหากว่า สติ สมาธิ ปัญญา ต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะมีเหตุลักษณะอย่างนี้ขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะไม่สามารถที่จะรู้เท่าทันกิเลสได้ ก็คือเราจะรู้ว่าตอนนี้รัก ตอนนี้โลภ ตอนนี้โกรธ ตอนนี้หลง ทำอย่างไรเราจะควบคุมให้อยู่ในจุดที่ไม่ทำอันตรายแก่เราได้ แต่ถ้าท้ายสุดไม่ไปยุ่งได้นั่นแหละดีที่สุด ระวังไว้...ว่าจะเป็นโทษมากกว่า

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อย่างนั้นแหละ ก็คือสภาพจิตที่ฝึกฝนแล้วมีกำลัง ถึงเวลาก็เป็นมโนมยา สำเร็จด้วยใจ อาตมาเคยนั่งรถไปแล้วปรากฏว่าโดนสิบแปดล้อตบ เหลือขอบถนนอยู่หน่อยเดียว ถ้าเราไม่มีทางไปก็คือโดนตบเต็ม ๆ หรือต้องยอมตกถนน ก็มีทางเดียวคือต้องยันรถออกไป คนขับก็บอกว่าทำไมอยู่ ๆ ถนนกว้างขึ้นแล้วผมไปได้...! แต่อย่าทำบ่อย ไม่ใช่เรื่องดี ฝืนกฎของกรรมเดี๋ยวต้องไปชดเชย

ถาม : เราก็ต้องได้ผลจากการกระทำของเราหรือคะ ?
ตอบ : ใช่....ถึงไม่รับผลเรื่องนี้ก็ต้องไปรับผลเรื่องอื่นแทน อาจจะหนักกว่าเดิมด้วย เหมือนกับถ้าเข้าบ้านไปโดนแม่ด่า ก็ก้มหน้าก้มตารับคำด่าไปก็จบ แต่ถ้าไม่โดนแม่ด่าแล้วพ่อหมั่นไส้ ไอ้นี่ยังไม่โดนด่าเดี๋ยวกูใส่เสียเอง อาจจะตบคว่ำไปเลย อะไรแบบนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2017 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา