สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเรามาพินิจพิจารณาดูก็จะเห็นว่า ในส่วนของศีลสิกขาเราได้ทำแล้ว ก็คือแม้แต่เมื่อครู่นี้เราก็ได้สมาทานศีลแล้ว โดยเฉพาะเป็นอุโบสถศีลด้วย อธิจิตสิกขา เรากำลังทำอยู่ ก็คือกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่พระสงฆ์แสดงธรรมอยู่เฉพาะหน้า การที่เราตั้งใจฟังธรรมเฉพาะหน้า สภาพจิตของเราจะพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว ถ้าหากว่าสามารถรักษาอารมณ์ได้ยาวนานเท่าไร สภาพจิตเราก็จะผ่องใสจากกิเลสได้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปได้
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายยังต้องใช้ปัญญาสิกขา ก็คือใช้ปัญญาพินิจพิจารณาดู องค์สมเด็จพระบรมครูของเราตรัสสอนไว้ว่า ร่างกายนี้ไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด เราเห็นตามอย่างแท้จริงหรือไม่ว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2019 เมื่อ 17:32
|