ถาม : ที่ผมปฏิบัติมา ส่วนใหญ่จะได้ไม่เกินฌาน ๒ แต่ว่านาน ๆ ทีบังเอิญได้ถึงฌาน ๔ แล้วเกิดความรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย คล้ายกันไหมครับ ?
ตอบ : คล้ายกันเพราะว่าฌาน ๔ พอถึงตัวเอกัคตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นการว่างจากกิเลส เพราะอำนาจฌานกดกิเลสดับลงไป
ส่วนอากาสานัญจายตนฌานนั้นยังมีความเข้าใจว่า “แม้แต่รูปฌานนี้ก็ยังเป็นโทษ เพราะมีรูปอยู่” ก็เลยเว้นจากรูปไปจับความว่างของอากาศแทน จะบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดของคนโบราณก็ไม่ใช่ เพราะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ก็คือเพิ่มความคิด ตัวคิดนี้ก็คือคิดว่า “รูปทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นโทษ ในเมื่อโทษอาศัยรูปเป็นที่เกิด เราก็ทิ้งรูปเสีย เมื่ออากาศว่าง ไม่มีรูป ก็ไปเกาะอากาศแทน” ด้วยความคิดว่าน่าจะทำให้พ้นได้ แต่ความจริงก็คือพัฒนาขึ้นไปขั้นเดียว ยังไม่พ้นอย่างที่ต้องการ
ถาม : สมมติตอนนั้นถึงฌาน ๔ แล้ว ตอนนั้นมีสติ แล้วก็เอกัคคตาฯ ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าเราสามารถทำจนเกิดความคล่องตัวได้ ที่เรียกว่ามีวสีในการเข้า วสีในการออก ถ้าสามารถทำถึงระดับนั้นได้ แม้แต่อยู่ในสมาธิก็สามารถที่จะคิดพินิจพิจารณาได้
ถาม : เราคิดว่าคล้าย ๆ กัน ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน จะว่าไปแล้วก็คือราคาเท่ากัน เพียงแต่ว่าอากาสานัญจายตนะฯ มีความคิดเพิ่มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2017 เมื่อ 02:46
|