ดูแบบคำตอบเดียว
  #199  
เก่า 27-05-2017, 20:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ผมปฏิบัติมา ส่วนใหญ่จะได้ไม่เกินฌาน ๒ แต่ว่านาน ๆ ทีบังเอิญได้ถึงฌาน ๔ แล้วเกิดความรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย คล้ายกันไหมครับ ?
ตอบ : คล้ายกันเพราะว่าฌาน ๔ พอถึงตัวเอกัคตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นการว่างจากกิเลส เพราะอำนาจฌานกดกิเลสดับลงไป

ส่วนอากาสานัญจายตนฌานนั้นยังมีความเข้าใจว่า “แม้แต่รูปฌานนี้ก็ยังเป็นโทษ เพราะมีรูปอยู่” ก็เลยเว้นจากรูปไปจับความว่างของอากาศแทน จะบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดของคนโบราณก็ไม่ใช่ เพราะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ก็คือเพิ่มความคิด ตัวคิดนี้ก็คือคิดว่า “รูปทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นโทษ ในเมื่อโทษอาศัยรูปเป็นที่เกิด เราก็ทิ้งรูปเสีย เมื่ออากาศว่าง ไม่มีรูป ก็ไปเกาะอากาศแทน” ด้วยความคิดว่าน่าจะทำให้พ้นได้ แต่ความจริงก็คือพัฒนาขึ้นไปขั้นเดียว ยังไม่พ้นอย่างที่ต้องการ


ถาม : สมมติตอนนั้นถึงฌาน ๔ แล้ว ตอนนั้นมีสติ แล้วก็เอกัคคตาฯ ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าเราสามารถทำจนเกิดความคล่องตัวได้ ที่เรียกว่ามีวสีในการเข้า วสีในการออก ถ้าสามารถทำถึงระดับนั้นได้ แม้แต่อยู่ในสมาธิก็สามารถที่จะคิดพินิจพิจารณาได้

ถาม : เราคิดว่าคล้าย ๆ กัน ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน จะว่าไปแล้วก็คือราคาเท่ากัน เพียงแต่ว่าอากาสานัญจายตนะฯ มีความคิดเพิ่มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2017 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา