คราวนี้การที่เราปฏิบัติแล้วจะมีความก้าวหน้าหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติธรรมมีความกังวลกันทุกคน ก็ให้เราวัดจากกิเลสหยาบ คือนิวรณ์ ๕ ว่า ในแต่ละวัน ใจของเราโดนนิวรณ์ ๕ กินได้หรือไม่ ? ก็คือใจไปประหวัดถึง รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ บ้างหรือไม่ ?
ใจของเราไป โกรธ เกลียด อาฆาตแค้น ผู้อื่นหรือไม่ ? เรามีความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติหรือไม่ ? เรามีความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติหรือไม่ ? เรามีความฟุ้งซ่าน สมาธิไม่รวมตัวหรือไม่ ? นี่เป็นสิ่งที่วัดได้ง่ายที่สุด ถ้ามีนิวรณ์ ๕ อย่างนี้อยู่ในใจของเรา ก็แปลว่าสภาพใจของเราไร้คุณภาพ ตกเป็นทาสของกิเลส โอกาสที่จะก้าวถึงความเป็นพระอริยเจ้าก็ไม่มี จำเป็นต้องขับไล่นิวรณ์ออกไปให้เร็วที่สุด
วิธีไล่นิวรณ์ที่ง่ายที่สุดก็คือ ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้าหากว่าสติสมาธิของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ตามดู ตามรู้เข้าไปจนสุด หายใจออก...ตามดู ตามรู้ออกมาจนสุด ก็คือให้ใจของเราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ โดยมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2020 เมื่อ 02:00
|