ท้ายสุดตัววิจิกิจฉา ซึ่งไม่มีปัญหาสำหรับพวกเรา เพราะว่าถ้าเราลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ เราก็จะไม่มาเริ่มต้นนับหนึ่งกันอย่างนี้ ถ้าเรามาเริ่มต้นปฏิบัติภาวนาเช่นนี้ ก็แปลว่าความสงสัยของเรามีน้อยแล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป จนเกิดผลในระดับใดระดับหนึ่งขึ้นมา ความสงสัยของเราก็จะหายไปเอง นี่คือวิธีการแก้ไขเมื่อสภาพจิตของเราเผชิญกับกิเลสหยาบคือนิวรณ์ ๕
หลังจากนั้นเมื่อเราก้าวข้ามนิวรณ์ได้แล้ว สมาธิก็จะเริ่มทรงตัว ถ้ามีลมหายใจเข้าออกอยู่ เราก็กำหนดดูลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่เราก็กำหนดคำภาวนาไป ถ้าลมหายใจเบาลง ก็ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป เอาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับความรู้สึกเช่นนั้น หรือท่านใดจะกำหนดภาพพระ เอาใจจดจ่อกับพระ หรือว่ายกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานก็ได้ แล้วรักษาอารมณ์ภาวนาของเรา ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าอย่างนี้เราก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวพ้นอำนาจของนิวรณ์ทั้งห้าได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2013 เมื่อ 06:09
|