ดูแบบคำตอบเดียว
  #531  
เก่า 19-07-2020, 23:07
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

สำหรับครูบาอาจารย์พระกรรมฐานองค์สำคัญอื่น ๆ แม้ต่างนิกายกันก็ตาม องค์หลวงตาก็ยังได้เข้าไปเป็นธุระ เกี่ยวข้องด้วยความเคารพรักและลงใจในธรรมระหว่างกัน ดังนี้
“... พระลูกศิษย์หลวงปู่บุดดาได้ไปหาเราที่สวนแสงธรรม เราก็ได้ถามถึงอาการของหลวงปู่ท่านว่า..
‘แต่ก่อนธาตุขันธ์ของท่านเป็นคุณเป็นประโยชน์ ทำประโยชน์ให้โลกมามากต่อมาก นานแสนนานจนกระทั่งอายุถึงปูนนี้และได้เข้ามาอยู่ศิริราชแล้ว เวลานี้เพื่อจะลาขันธ์ไป เพราะขันธ์นี้ใช้ไม่ได้แล้ว นอกจากใช้ไม่ได้แล้วยังเป็นโทษรอบตัวอีก ไม่มีช่องว่างของขันธ์ที่จะไม่เป็นโทษต่อท่าน แล้วยังจะเอาท่านไว้อย่างนั้นอยู่เหรอ ? ... สมควรแล้วหรือ ? ให้ลูกหลานไปพิจารณานะ’


นี่..อาจารย์ชาก็เป็นอย่างนี้ละ เราบอกตรง ๆ เลย อาจารย์ชาก็เกี่ยวกับเราอีกเหมือนกัน คุ้นกันมาสักเท่าไหร่แล้ว แล้วนี่หลวงปู่บุดดาก็เหมือนกัน คุ้นกันมานาน สนิทสนมกันมากทั้งสององค์นี่กับเรานะ

หลวงปู่บุดดา ท่านเป็นเหมือนปู่เรานี่..จะว่าไง พอเราไปกราบที่ตักท่าน ท่านก็.. อู๊ย.. จับโน่นลูบนี้ จับนั้นจับนี่เรานะ ท่านทำด้วยความเมตตาจริง ๆ แหละ ... ท่านยังยกยอต่อลูกศิษย์ลูกหาของท่านเองด้วย เขาเอาเทปเราไปเปิดให้ท่านฟัง กัณฑ์ดี ๆ เสียด้วยนะ ... ลูกศิษย์มาเล่าให้ฟัง ท่านพูดเวลาเทศน์จบแล้วท่านว่า
‘ได้ยินชื่อท่านมานานแล้วแหละ ท่านมหาบัวนี่ คุ้นกันมาสักเท่าไรแล้ว ยังไม่รู้อยู่เหรอว่าคุ้นกัน... จะมาเล่าอะไรให้ฟังอีกล่ะ’


ทีนี้เมื่อพระมาหาเรา ... เราก็ฝากข้อคิดไปว่า ‘เวลานี้ขันธ์ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับท่านแล้ว ลูกศิษย์จะหวังชื่นชมยินดี.. เพราะไฟคือธาตุขันธ์เผาไหม้ท่านอยู่อย่างนี้ สมควรแล้วเหรอ ? .. เวลานี้ไฟขันธ์เผาตลอดไม่มีว่างเลย ... ให้ไปพิจารณานะ’

อาจารย์ชา เป็นลักษณะนี้มาหลายปี ถามทีไรก็เป็นอย่างนี้ ก็พอดีพระหนองป่าพงไปหาเราที่สวนแสงธรรม เอากันใหญ่เชียวคราวนั้น .. เปรี้ยงทีเดียว..อัดเทปเอาไว้เสร็จ พอเสร็จแล้วเขาก็เอาเทปไปเปิดเมืองอุบลฯ เลย เอาไปตั้งกึ๊กลงที่วัดหนองป่าพงเลย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาท่านมารวมนั้นหมด ผู้ว่าฯ เป็นผู้นำเทปไปเปิด

'เอ้า.. ใครที่นี้ฟังนะ เทศน์นี่..เทศน์อาจารย์มหาบัว ท่านอาจารย์มหาบัวกับท่านอาจารย์ชาสนิทกันมานานสักเท่าไรแล้ว ฟังท่านจะพูดวันนี้นะ’

พอว่าอย่างนั้นก็เปิดทันที .. ได้เห็นผิว ๆ เผิน ๆ ได้เห็นท่านอยู่นั้นก็พอใจ ท่านจะมาห่วงอะไรในธาตุในขันธ์อันนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นไฟพอแล้วยังจะมาห่วงอะไรอีก ห่วงไฟเผาเจ้าของนั้นมีอย่างหรือ .. ท่านพร้อมอยู่แล้วที่จะดีดตั้งแต่ระยะช่วยตัวเองไม่ได้แล้วนั่น.. ครูบาอาจารย์จะตายแล้วไม่ยอมให้ไป.. ไม่ให้ตาย เอาไฟจี้ไว้อย่างงั้น ระโยงระยางเต็มหมด ออกซิเจนช่วยลมหายใจ ช่วยลมหายใจอะไร ช่วยไฟเผา..ว่างั้นจึงถูกนะ

ถ้าเอาอันนี้ออกแล้วไฟก็หยุดเผา ท่านก็ดีดออกแล้ว นั่น..คุณก็เห็นอยู่อย่างชัด ๆ โทษก็เห็นอยู่ชัด ๆ อย่างงั้น ถ้าอันนี้จ่อไว้อยู่ตลอด ก็เผาอยู่ตลอดอยู่นั่น..จะว่าไง พอเปิดออกนี้ก็ดีดออกแล้ว เห็นชัด ๆ อยู่

ถ้าพูดถึงเรื่องของหมอ เขาก็ทำตามหลักวิชาของหมอ เหตุผลเรามียังไง อรรถธรรมมียังไง ปฏิบัติต่อครูบาอาจารย์ก็ควรชี้แจงให้เขาทราบ ควรปล่อยก็ปล่อยซี เอาไว้ให้ใครมันไม่เกิดประโยชน์ยังไม่แล้ว ยังเป็นโทษเอาอย่างหนักหนาทีเดียว ใครจะเอาไฟมาเผามาจี้ไว้อย่างนี้ทั้งวันได้เหรอ นี่ไม่ทราบว่าทั้งวันทั้งคืนทั้งปีอะไร จี้เผาหมด..รอบตัว ๆ

เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ก็รู้กันอยู่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่ตายก็รู้แล้ว ก็เครื่องมือใช้เฉย ๆ มีจิตเป็นผู้บงการ พอจิตหดตัวเข้ามาเสียแล้ว.. สิ่งเหล่านี้ก็เป็นท่อนไม้ท่อนฟืนไปเท่านั้น เกิดประโยชน์อะไร ก็เหมือนกับเครื่องมือเราทิ้งเกลื่อนอยู่รอบตัวนี้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ เมื่อเจ้าของใช้การใช้งานอะไรไม่ได้แล้ว ... นั่นแหละ เรื่องจิตให้เห็นอย่างนั้นซิ เห็นชัดเจนแล้วจะถามใคร .. ประจักษ์อยู่ในหัวใจเจ้าของแล้ว พอทุกอย่าง ..

‘นี่เอาศพท่านกลับคืนไปโน่นนะ วัดกลางชูศรี ท่านเป็นเพชรน้ำหนึ่งนะนี่’

หลวงปู่บุดดานี่เพชรน้ำหนึ่ง อาจารย์ชาก็เหมือนกัน ท่านเหล่านี้เพชรน้ำหนึ่งแล้ว จะมาหวงมาห่วงอะไร ธาตุขันธ์เป็นไฟนั่น...

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2020 เมื่อ 01:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
ภาวนามัย (25-04-2024), สุธรรม (20-07-2020)