"แบบเดียวกับพระขรรค์โสฬส วันนี้ช่างเขามาโอดครวญว่า เขาขาดทุน อาตมาก็บอกกับโยมว่า อาตมาก็ท่าจะขาดทุน เพราะเมื่อหล่อพระขรรค์มาแล้ว จำนวนพระขรรค์ที่เราเห็นอยู่ รวมแล้วเป็นน้ำหนักโลหะประมาณ ๒๕๐ กิโลกรัม ทว่าตั้งแต่ตอนหล่อใช้โลหะไป ๓,๐๐๐ กิโลกรัม..! ก็คือ ๓ ตัน ขนาดนั่นเป็นโลหะของเขาล้วน ๆ ยังไม่ได้นับชนวนของเรา พอถึงเวลายังมีโลหะอาถรรพ์ของเราใส่เพิ่มไปด้วย ฉะนั้น..ส่วนที่หมดไปมากก็คือส่วนที่เรียกว่าชนวน ต้องเจาะช่องเพื่อให้น้ำโลหะไหลผ่าน เพื่อเป็นการไล่อากาศไปในตัว เนื้อโลหะจะได้แทรกผ่านไปเต็มทั้งแบบ
โลหะนี่แปลกมาก สมมติว่าจำนวน ๑๐๐ กิโลกรัม พอหลอมเสร็จจะหายไปประมาณ ๑๐ กิโลกรัม พอหลอมครั้งที่ ๒ จะหายไปอีกประมาณ ๕ กิโลกรัม เนื้อโลหะจะสูญเสียไปในระหว่างหลอม จะกลายเป็นขี้โลหะ หรือไม่ก็ฟลักซ์(Flux) เพราะฉะนั้น..ถ้ากำหนดเนื้อโลหะตายตัวนี่เสร็จ ไม่พอทำแน่นอน ต้องกำหนดเกินไว้เสมอ ตอนแรกเขากะไว้ที่ ๑,๘๐๐ กิโลกรัม ปรากฏว่าจริง ๆ แล้วใช้ไป ๓,๐๐๐ กิโลกรัม ช่างเขามาคร่ำครวญว่า ”งานนี้คงต้องทำถวายแล้วครับ กำไรไม่เหลือเลย”
อาตมาก็บอกแล้วว่า ๘๔,๐๐๐ บาทที่ให้จอง ไป ๆ มา ๆ ตัวเองเหลือถึง ๘๔๐ บาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะการชุบ ต้องชุบแล้วชุบอีก ถ้าชุบแล้วเสียก็แปลว่าหมดไป ๕,๐๐๐ บาทฟรี ๆ ต่อเล่ม เพราะฉะนั้น..งานนี้จะมีช่างมากต่อมากด้วยกันที่อยู่ในลักษณะว่าจำเป็นต้องทำถวาย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-07-2012 เมื่อ 21:45
|