พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนาของจังหวัดกาญจนบุรี อาตมาที่คิดว่าตัวเองมีเวลาว่าง ๑ วัน คือ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ปรากฏว่าโดนเรียกประชุม แล้วเป็นคณะกรรมการถึงสองชุด ทั้ง ๆ ที่ตัวคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะแบ่งภาคอย่างไร
เมื่อเซ็นชื่อเข้าประชุมคณะกรรมการทุกคณะเรียบร้อยแล้ว พอเริ่มประชุมเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "ฝ่ายเผยแผ่ ท่านอาจารย์ยังไม่ต้องไปก็แล้วกันครับ ท่านอาจารย์ไปฝ่ายการศาสนศึกษาก่อนเลย" ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ก็คือ สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้เกิดขึ้นในหมู่พุทธศาสนิกชน จะต้องยื่นกลยุทธ์ว่าทำอย่างไรบ้าง ? ท่านโน้นก็เสนออย่างนั้น ท่านนั้นก็เสนออย่างนี้ ถกเถียงกันไปประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป
พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ. ๙ ประโยค เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี บอกว่า "ขออภัยนะครับ ผมว่าที่พวกเราเถียงกัน ไปไกลเกินแล้ว" ท่านบอกว่า "ในเมื่อเราจะสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในพุทธศาสนา เราก็ควรจะเอาเรื่องของอภิญญาสมาบัติ หรือไม่ก็ความสามารถพิเศษต่าง ๆ อย่างหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านเคยทำได้ เอาเรื่องพวกนี้มาเสนอเป็นโครงการขึ้นไป จะเรียกศรัทธาญาติโยมได้มากกว่ากระมัง ?"
อาตมาได้ยินก็กลืนน้ำลายเอื๊อกเลย "แล้วจะเขียนโครงการอย่างไรให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ละอาจารย์ ?" "จะไปยากอะไร อย่างวัดท่าขนุนมีความสามารถทางนี้ ก็เปิดโรงเรียนสอนไปเลย" เข้าท่านะ...! โครงการตั้งโรงเรียนสอนอภิญญาสมาบัติที่วัดท่าขนุน..!
เรื่องนี้ถกไปถกมาปรากฏว่าคาบเกี่ยวกับฝ่ายอื่นด้วย ไม่ใช่แค่การศาสนศึกษาอย่างเดียว มีการปกครอง การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ การศึกษาสงเคราะห์ อะไรประมาณนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2017 เมื่อ 03:00
|