ตอนแรกมีหลวงตาสวัสดิ์กับหลวงตาสมชายอยู่ ตอนหลังหลวงตาสมชายย้ายไปอยู่ที่ศาลาพระพินิจ หลวงตาสวัสดิ์ก็ย้ายไปกุฏิ ๑๐ หลัง ก็เลยว่างอยู่ ๒ ป้อม จะเป็นป้อมมุมวัด สองป้อมหลังจะติดศาลา ๑๒ ไร่เลย สองป้อมหน้าก็จะอยู่ตรงมุมวัดพอดี ผีดุฉิบหา...เลย โดนที่นั่นจนไปที่ไหนก็ไม่กลัวผีแล้ว เพราะว่าที่ดุที่สุดนั้นอยู่ในวัด
กลางวันแสก ๆ ก็มา เที่ยง ๆ ก็มา บ่าย ๆ ก็มา ใครว่าผีต้องรอให้มืดแล้วหลอก ? ไม่จริงหรอก พ่อเดินทะลุข้างฝาเข้ามาเลย แต่ท่านก็คงเบื่อนะ มาทีไรผมสู้ทุกที ไม่มีหรอกที่จะกลัว ไม่ได้นึกถึงพระ ไม่ได้นึกถึงนิพพานอะไรเลย คนอื่นนึกได้เขาก็เลิกเลย อย่างรุ่นน้องที่พรรษาติดกัน คือท่านโกวิทซึ่งกลายเป็นทิดไปนานแล้ว บอกว่าโดนบีบคอหายใจไม่ได้ จนกระทั่งจะขาดใจอยู่แล้ว ท้ายสุดก็ตัดใจ "ตายก็ตายละวะ กูไปนิพพานละคราวนี้" ผีปล่อยแล้วยื่นหน้ามาบอกว่า “ไอ้หน้าอย่างนี้นะหรือจะไปนิพพาน ?” กวนขนาด...!
พอนึกถึงความดีได้เขาก็เลิก ผมนึกไม่ได้ ไม่เคยนึกเลยว่าจะให้ใครช่วย สู้อย่างเดียวจริง ๆ สัญชาตญาณที่ฝังลึกในจิตใจนี่เหลือเกิน ไม่ยอมนึกถึงพระ ไม่ยอมนึกถึงครูบาอาจารย์หรือพรหมเทวดา อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ สู้เองเลย โดนอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ เล่นผม ๓ พรรษาไม่สามารถนึกถึงความดีอะไรได้ เขาคงจะเบื่อจึงเลิกไป ไม่อย่างนั้นก็ตีกันอยู่ทุกวัน
เขาจะมีขาประจำมาอยู่ ๖ ตัว ผมจำแม่นเลย เห็นหน้าปุ๊บจำได้เลย มาเป็นตัว ๆ เลย ถึงเวลาเขาจับแขนกดไว้ ถ้าตั้งใจมองจะไม่เห็นอะไร แต่ถ้าไม่ตั้งใจมองจะเห็นแขนเงา ๆ ใส ๆ กดอยู่ แต่สัมผัสเหมือนกับเนื้อคนนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าที่ผีหักคอคนได้เป็นอย่างนี้เอง เพราะสัมผัสเหมือนเนื้อคน แต่ถ้าตั้งใจมองจะทะลุไปเห็นอย่างอื่นข้างหลังด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2018 เมื่อ 03:30
|