พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าอาตมามีโอกาสไปเมืองจีน ตั้งใจจะไปที่ Buddhist Palace จะไปดูความอลังการของที่นั่น เป็นสถานที่ในพระพุทธศาสนาที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งรัศมีกับนครรัฐวาติกันของคริสต์
คนจีนมีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมากเป็นพิเศษ ตรงนั้นเป็นเมืองเก่าที่ฆ่ากันมาจนนับศพไม่ถ้วน จึงเป็นที่ซึ่งไม่มีใครต้องการ แต่เขาก็สร้างขึ้นมาเป็นพุทธสถานได้ อาศัยบารมีพระไปข่มเอาไว้ โดยเฉพาะหลวงพ่อโตเขาหลิงซาน เป็นพระหล่อด้วยโลหะองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ซ้ำเข้าไปอีก เขาวางตามจุดที่เห็นว่าฮวงจุ้ยไม่ดี พอเอาพระไปวาง สิ่งที่ไม่ดีก็กลายเป็นดีไปเอง
แบบเดียวกับโค้งตะลุเก้ ทางช่วงทองผาภูมิขึ้นสังขละบุรี ตรงนั้นตายซับตายซ้อนจนเกินโค้งร้อยศพ มีแต่ศาลพระภูมิเกลื่อนกลาดไปหมด แม้กระทั่งหลวงพ่ออุตตมะก็ลงโค้งนั้นจนซี่โครงหักไป ๒ ซี่ ตอนแรกท่านไม่ยอมไป ท่านบอกว่าเคราะห์ไม่ดี ไม่ไป ๆ แต่ลูกศิษย์ก็ตื๊อท่านไปจนได้ พอลงโค้งนั้นท่านต้องรักษาตัวไปครึ่งค่อนปี
มีอยู่เที่ยวหนึ่งอาตมาขึ้นไปบรรยายที่หน่วยจัดการต้นน้ำซองกาเลีย ขาขึ้นเห็นเขากำลังตั้งศาลอยู่ แสดงว่าลงไปอีกศพแล้ว วันรุ่งขึ้นบรรยายเสร็จอาตมากลับลงมา ศาลหลังนั้นราบไปอีกแล้ว มีรถแหกโค้งลงไปกวาดศาลเสียเรียบเลย พอเกิดเหตุการณ์นี้มากเข้า ๆ ก็ตั้งศาลไม่ไหว ไม่รู้เขาไปได้รับคำแนะนำจากใคร จึงทำแท่นซีเมนต์เล็ก ๆ แล้วก็เอาพระพุทธรูปหน้าตัก ๙ นิ้ว ตั้งหันหน้าเข้าหาโค้ง ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว ยังไม่มีใครตายอีกเลย
เราจะเห็นในเรื่องบารมีพระชัดมาก ถ้าในสายตาของเราคือพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ไปอยู่ตรงโค้งร้อยศพ แทบจะไปกันอะไรไม่ได้เลย แต่ปรากฏว่าองค์เล็ก ๆ นั่นแหละเอาอยู่ เพราะว่าเล็กที่ขนาด แต่ไม่ได้เล็กที่พุทธบารมี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2012 เมื่อ 02:41
|