ถาม : (เด็กถาม) โดนเพื่อนแกล้ง ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ปล่อยให้แกล้งต่อไป..! การอยู่ในสังคมส่วนรวม โดยเฉพาะโรงเรียนของเด็ก ๆ การโดนเพื่อนแกล้งถือว่าเป็นปกติ สมัยยังเรียนหนังสือหลวงพ่อก็โดนเพื่อนแกล้งเหมือนกัน แกล้งเสร็จเพื่อนก็วิ่งไปอยู่ใกล้ ๆ ครู แล้วหลวงพ่อก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ครั้งที่ ๑ ก็อย่างนี้ ครั้งที่ ๒ ก็อย่างนี้ ครั้ง ๓ ก็อย่างนี้ ครั้งที่ ๔ หลวงพ่อเตะเพื่อนต่อหน้าครูเลย แล้วครูก็รู้ด้วย ครูก็แค่บอกว่า "เธอ...คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
ส่วนเพื่อนอีกรายหนึ่งชอบแกล้งตอนเรียนมัธยมแล้ว หลวงพ่อว่าตัวเองสูงแล้ว เพื่อนคนนี้สูงกว่าเกือบศอก ก็รอวันว่าเมื่อไรจะได้เอาคืน แล้ววันดีคืนดีก็มาถึง ตอนนั้นเรียนชั่วโมงไฟฟ้าอยู่ พอเลิกเรียนก็ต้องช่วยกันปิดโรงฝึกงาน เจ้าเพื่อนคนนี้ก็ล้าหลัง หลวงพ่อเดินไปถึงประตูซึ่งเป็นประตูเหล็กยืด กระชากประตูล็อกทันที หันกลับมาไอ้นั่นรู้ว่าซวยแล้ว ตอนนี้ใครจะช่วยได้ล่ะ ? ภารโรงก็ไม่อยู่ กว่าจะหากุญแจมาเปิดได้มีทางเดียว ก็คือ เอ็งรับมือรับตีนข้าไปก่อนก็แล้วกัน..!
งานนั้นตั้งใจจะเตะเพื่อนให้สลบคาตีนจริง ๆ..! ว่าจะเตะก้านคอคนสั่งสอนสักหน่อย แต่เตะไม่ถึงเพราะเขาสูงกว่าเยอะ เตะได้แค่ต้นแขน เตะจนเขายกแขนสองข้างไม่ขึ้น เตะจนลงไปกองกับพื้นบอกว่ายอมแพ้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น..อนุญาตให้เลียนแบบได้ หลังจากนั้นจะไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าแกล้งเราอีกเลย..!
ถาม : ไม่ผิดศีลหรือครับ ?
ตอบ : ผิดตรงไหนวะ ? ไม่ได้ฆ่าเขาโว้ย..! ส่วนเตี่ยของอาตมานี่สุดยอดมาก ห้ามฟ้องเด็ดขาดว่าเพื่อนรังแก ฟ้องว่าโดนเพื่อนรังแกเมื่อไรโดนตีเมื่อนั้น เพราะนิสัยของเตี่ยก็คือ เอ็งต้องมีหน้าที่รังแกเพื่อน ไม่ใช่ให้เพื่อนมารังแกเอ็ง ท่านสอนให้สู้อย่างเดียว
อาตมาเองรังแกใครไม่เป็น แต่ถ้าใครมารังแกโปรดระวังตอนฟิวส์ขาด จะเอาคืนเยอะกว่าหลายเท่าเลย ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้เป็นอาจารย์สอนอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ วัดท่าขนุน ไปเจอกันได้อย่างไรไม่รู้ ไม่ได้ถามหรอกว่าเอ็งยังจำได้ไหมวันนั้น ไปเจอกันตอนที่ไปงานกิจกรรมนักเรียนที่โรงเรียนบ้านเสาหงส์ พอเห็นชื่อบนกระดานก็อ้าว...นี่เพื่อนเรานี่หว่า ก็เลยถามหา ไปเจอกันก็คุยกันพักหนึ่งเห็นเขายังทำท่าแหยง ๆ อยู่ ไปก็ได้วะ..๓๐-๔๐ ปีแล้วยังจะกลัวอยู่อีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2015 เมื่อ 02:31
|