พระอาจารย์กล่าวว่า "สรุปแล้วกฐินวัดท่าขนุนได้เงิน ๒,๖๐๖,๖๔๐ บาทถ้วน ความจริงเป็นเศษแต่อาตมาเติมให้เต็ม พอหักรายจ่ายทั้งหมดแล้ว ก็ส่งเข้าบัญชีที่ต้องรายงานคณะสงฆ์ไป หนึ่งล้านเก้าแสนกว่าบาท
เงินกฐินนี้ทางคณะสงฆ์บังคับเลยว่าต้องเข้าบัญชีเป็นก้อนเดียว หักกลบลบล้างค่าใช้จ่ายแค่ที่อนุญาตให้มีได้ อย่างเช่นว่าค่าอาหารและน้ำดื่มเลี้ยงโยม ถวายพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในงาน พยายามหักเต็มที่แล้ว หักไปได้แค่แสนกว่าบาท สรุปแล้วฝากไปประมาณล้านเก้าแสนกว่าบาท
สำหรับอาตมาแล้วเงินล้านกว่าก็ใช้ได้แค่เดือนเดียว ตอนนี้ที่รอจ่ายอยู่ก็คือเงินประกันผลงาน เงินประกันผลงานในการสร้างบันไดขึ้นสักการะรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน กับเงินประกันผลงานในการสร้างบันไดขึ้นสักการะพระพุทธเจติยคีรี สองฝั่งก็ล้านกว่าบาท ประกันผลงานนี่เราหักไว้ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ร้อยละ ๓๐ พูดง่าย ๆ ว่าภายใน ๖ เดือน ถ้าไม่มีอะไรให้ซ่อมให้แก้ไข ก็ส่งคืนเงินส่วนนี้ให้ช่างเขาไป ถ้ามีก็เอาเงินส่วนนี้หักมาซ่อม มาแก้ไข ฉะนั้น..เวลาเราทำสัญญาอะไรก็ต้องรัดกุม ถ้าเขาส่งงานให้ไม่ทันจะปรับเขาวันละเท่าไร ส่วนใหญ่ก็ปรับประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์ สมมติว่าอาตมาทำไป อย่างเช่นว่า ๑๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท ถึงเวลาก็ปรับไปวันละ ๑๒,๘๐๐ บาท โดนไปวันละหมื่นกว่าบาทนี่จุกเหมือนกันนะ
มีตอนที่หุ้มทองพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก งานนั้นปรับช่างไปหกแสนกว่าบาท"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-11-2018 เมื่อ 16:48
|