ดูแบบคำตอบเดียว
  #77  
เก่า 23-07-2012, 09:26
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,550 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ค้นคว้าพระไตรปิฎก
ขอเงินโยมแม่ซื้อหนังสือเรียน

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะออกปฏิบัติเมื่อจบมหาเปรียญ และจะยอมมอบกายถวายชีวิตต่อครูบาอาจารย์ผู้รู้จริงเช่นนี้เอง ทำให้การเรียนของท่านจึงมิใช่จะหาความรู้เพียงแค่วิชาในชั้นเรียนเท่านั้น แต่หากความรู้ใดจะเป็นประโยชน์ต่อการออกปฏิบัติกรรมฐาน ท่านจะพยายามศึกษาค้นคว้าตำรับตำราเพิ่มเติมเข้าไปอย่างเต็มที่ เฉพาะอย่างยิ่งจากพระไตรปิฎก สังเกตได้จากความตั้งใจของท่านที่ว่า

“...เราจะเรียนทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พอจำได้เราจะจำ เราจะจดโน้ตคัดเอาไว้ ๆ มีสมุดเล็ก ๆ คัดเอาไว้ในนั้น ๆ อันนี้มาจากเล่มนั้น ๆ ชาดกเล่มนั้น ๆ หน้าที่เท่านั้น จดไว้ ๆ เวลาเราต้องการความพิสดาร เราก็ไปเปิดดูง่าย ๆ ที่เราจด


แต่ส่วนมากพอมองเห็นที่คัดไว้เท่านี้ มันก็เข้าใจไปหมดแล้ว เพราะอ่านมาหมดแล้วนี่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปค้นดูพระไตรปิฎกละ เพราะฉะนั้น เวลาหนังสือผ่านมาที่ไหน ๆ ถึงรู้ทันที ๆ เพราะได้อ่านมาหมด มันอยู่ในข่ายของพระไตรปิฎกทั้งนั้นละ

ทีนี้พระไตรปิฎก เราก็ค้นเสียจนพอก่อนที่จะออกมาปฏิบัติ เวลาว่างจากเรียนหนังสือ ปิดโรงเรียนนั้นละ เป็นเวลาค้นหนังสือ เวลาเรียนหนังสือก็เรียนไปตามหลักวิชานั้นเสีย ครั้นเวลาหยุดเรียนหนังสือ ก็ค้นพระไตรปิฎก โน้ต ๆ เอาไว้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ในเวลาจะออกปฏิบัติ เพราะตั้งใจจะออกปฏิบัติเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น...”

สมัยที่เรียนปริยัติอยู่นั้น แม้จะมีอุปสรรคบางประการ ที่ทำให้มีข้อเสียเปรียบเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันอยู่บ้าง แต่ด้วยความอุตสาหะวิริยะของท่าน ปัญหาดังกล่าวก็ไม่มีผลแต่อย่างใด ดังนี้

“...หัวสมองเรานี่เกี่ยวกับความจำ มันอยู่ในย่านกลางนะ ดีก็ไม่ใช่ ต่ำกว่านั้นก็ไม่ใช่ อยู่ในย่านกลางนี่แหละ เราจะเห็นได้จากพวกหมู่เพื่อนที่เขาเรียนหนังสือด้วยกัน ท่องสองหน สามหนเท่านั้น เขาจำได้แล้วนะ


เรานี่เอาจนแทบเป็นแทบตาย ก็ไม่ได้ผิดกันมากนะ ท่องสูตรเดียวกันนี่ เขาไปท่องมาชั่วโมงสองชั่วโมง เขาจำได้ แล้วสูตรหนึ่ง เราฟาดมันจนไม่ทราบกี่ชั่วโมง มันก็ไม่ได้นะ ผู้ที่หนากว่าเราก็ยังมีอีก นี่มันเทียบได้ เราจึงอยู่ในย่านนี้ ไม่ใช่ย่านนั้น คือย่านสูงกว่านั้น เราก็ไม่ได้...”

เพราะเหตุนี้ทำให้ท่านต้องขยันหมั่นเพียรอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกท้อถอยน้อยใจ กลับตั้งอกตั้งใจเรียนยิ่งขึ้นไปอีก ในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่นั้น ท่านได้เขียนจดหมายมาขอเงินโยมแม่เพื่อซื้อหนังสือเรียน โดยโยมแม่จะมอบให้ครูชาลีเป็นคนส่งเงินถวายท่านตลอดมา การใช้จ่ายของท่านเป็นไปด้วยความประหยัด เพราะรู้สึกเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ ท่านเล่าว่า

เงินที่ขอพ่อแม่มานี้ เราเห็นเป็นคุณค่าอย่างยิ่ง นำไปซื้อหนังสือทุกบาททุกสตางค์ ใช้เฉพาะเรื่องส่วนตัว ไม่ขอท่านทีละมาก ๆ เราก็ประหยัดของเราเหมือนกัน คือเห็นอกพ่ออกแม่ ขอเท่าไรให้ไปทันที ๆ เรื่องเงินนี้เราจึงไม่จ่ายทางอื่นเลย


นี่พูดถึงเรื่องเรียนหนังสือ ขอเงินจากทางบ้านไปเรียน เพราะเราเรียนหลายสำนัก ออกจากสำนักนี้ไปสำนักนั้น ออกจากสำนักนั้นไปสำนักนั้น มันถึงได้รู้ได้เห็นทางด้านปริยัติทั่วถึง วัดใหญ่วัดน้อยวัดราษฎร์วัดหลวงไปหมดเลย ทีนี้เวลามันผ่านมาหมดแล้วก็พูดได้ตามที่รู้ที่เห็น

พอหยุดจากการศึกษาเล่าเรียนก็เลิกขอเงินเลย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยขอเงินแม่แม้สตางค์แดงเดียว”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 16:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา