ดูแบบคำตอบเดียว
  #48  
เก่า 12-02-2014, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,182 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอมสมัยพระเจ้าพรหมกับขอมสมัยสุโขทัยเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขอมสมัยโน้นต้องบอกว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เป็นคนละพวก ตกลงฟังรู้เรื่องไหม ? เผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เป็นคนละพวก เพราะว่าสมัยนั้นขอมมีอำนาจมายันลพบุรี แล้วคราวนี้มีอยู่พวกหนึ่ง ก็คงจะขัดคอกันเอง คิดว่าไปหาบ้านหาเมืองของตัวเองอยู่ก็ได้ ก็พาพวกลุยขึ้นเหนือไป คราวนี้ไปเจอเชียงแสนรักสงบ ตีง่าย ก็เอาเลย

คำว่า "ขอม" หลวงปู่อ่ำท่านบอกว่าแปลว่าครู แสดงว่าสมัยก่อนพวกนี้เขาจะมีวิชาความรู้เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ ซึ่งก็น่าจะใช่ เพราะสามารถสร้างปราสาทหินได้ขนาดนั้น ลองไปดูปราสาทบันทายศรี ที่เขมรเรียกบันทายสตรี อาตมาก็เลยเรียกปราสาทบั้นท้ายสตรี หมดเรื่องไปเลย เป็นปราสาทหินที่ต้องบอกว่า ค่อนข้างจะเล็กถึงเล็กที่สุด แกะสลักหินละเอียดยิบเลย สามารถกลึงลูกกรงหินโดยใส่รายละเอียดได้เหมือนกับกลึงไม้ ไปดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

ตรงนั้นจะมีวงดนตรีคนตาบอด อาตมาไปไล่แจกเงินเขา วงดนตรีคนตาบอดไม่แปลกหรอก แต่ว่าคนที่เป็นคนนำวงไม่ได้ใช้เครื่องดนตรี เขาใช้ใบไม้ เด็ดออกจากต้นที่เขานั่งอยู่นั่นแหละ แล้วก็เป่าไปเรื่อยเป็นสารพัดเพลง เห็นแล้วชอบใจ เขาตาเสียแต่มีความสามารถ เพราะว่าพวกสายตาเสียต้องเอาหูมาทดแทน เอาประสาทสัมผัสมาทดแทน ฉะนั้น..หูเขาก็จะไวต่อเสียงดนตรีมาก อาตมาไปไล่แจกเงินเขาทั้งวงเลย

สรุปไปเขมรไม่ได้ใช้เงินตัวเองสักบาท แถมยังเหลือกลับมาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ใช้แต่ค่าเครื่องบิน ตอนอยู่ที่นั่นไม่ได้ใช้อะไรเลย ไปถึงโยมก็แลกเงินให้มัดเบ้อเร่อ บอกให้เอาไปใช้ ไปไล่ใส่ตู้ ทำบุญไปเรื่อยเปื่อย เขมรกับอินโดนีเซียคล้าย ๆ กันตรงที่ว่าค่าเงินเล็ก เงินเขมรเวลาใช้ตัดท้าย ๒ ตัวจะเป็นเงินไทย เอา ๐ ออก ๒ ตัว เหลือเท่าเงินไทย ของเขา ๒,๐๐๐ บาท มาถึงเมืองไทยเหลือ ๒๐ บาท

ส่วนจุดที่น่าไปมาก ๆ เลยก็คือ พนมกุเลน มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่บนยอดดอย เขาแกะจากยอดดอยเลย เป็นพระนอน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระธุดงค์จากเมืองไทยไปเห็นแล้วชอบใจท่าไหนก็ไม่รู้ หินอาจจะมีลักษณะเป็นทรงคล้ายอยู่แล้ว ก็เลยแกะเป็นพระนอนองค์เบ้อเร่อ แล้วสร้างอาคารครอบไว้ กลายเป็นว่ายอดภูเขาทั้งยอดกลายเป็นศาลา สมัยก่อนพระไทยเวลาธุดงค์ไปเขมร ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ต้องไปให้ถึง ก็คือต้องไปไหว้พระนอนที่ยอดพนมกุเลน หลวงปู่สรวงพาลูกศิษย์ไปบ่อย

แต่ถ้าไปอย่างหลวงปู่สรวงนี่ ไปแล้วต้องกินใบไม้ใบหญ้า หลวงปู่ท่านเดินไปเรื่อย ท่านไม่หิวไม่เหนื่อย ลูกศิษย์จะตายเอา ท้ายสุดต้องประท้วง บอกว่าหิว..เดินไม่ไหวแล้ว หลวงปู่ท่านก็รูดใบไม้ให้ “เอ้า! กิน” กินลงไปอิ่มเหมือนกัน ท่านว่าอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา