ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 17-05-2017, 17:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากเราพินิจพิจารณาในวิปัสสนาญาณเพิ่มเติมเข้าไป สภาพจิตของเรายอมรับว่า การเกิดมานี้ไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด สภาพจิตยอมรับว่าการเกิดมานี้มีแต่ความทุกข์ เกิดก็เป็นทุกข์ แก่ก็เป็นทุกข์ เจ็บก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์ ได้รับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจก็เป็นทุกข์ ปรารถนาไม่สมหวังก็เป็นทุกข์

สภาพจิตของเรายอมรับได้ว่าสภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้อาศัยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นก็เสื่อมสลาย ตายพังกลับคืนเป็นสมบัติของโลก ไม่มีอะไรหลงเหลือเป็นเราเป็นของเราเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าสภาพจิตของเรายอมรับเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปราศจากความต้องการในการเกิด ไม่มีความปรารถนาทั้งในกายของตนเองและกายของผู้อื่น สภาพจิตก็จะหลุดพ้นจากการยึดเกาะในร่างกายนี้ ในโลกนี้ การหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานก็จะพึงมีพึงเกิดแก่เราได้

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา