ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 20-07-2009, 11:34
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,331 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default

พบผีนางไม้

อีกคราวหนึ่งทางวัดไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี เขาจะฝังลูกนิมิตในโบสถ์ คราวนั้นก็นิมนต์อาตมาไปด้วย หลวงพ่อจงท่านก็ไป อาตมาไปในฐานะลูกศิษย์ของหลวงพ่อปาน ทีนี้เวลารับแขก รับแขกกันที่ศาลาการเปรียญ หลวงพ่อจงท่านเป็นคนลง "นะหน้าทอง" นะอะไรต่ออะไรก็ตาม อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือคุย เพราะว่ามีคนมาหาหลวงพ่อจงเต็มศาลาการเปรียญทั้งวัน ท่านก็ลงนะหน้าทองให้ สำหรับบาตรทางวัดเขาก็ตั้งไว้ ได้เงินเท่าไรก็เรื่องของวัด ตัวท่านเอง ท่านไม่มีราคา ใครจะนิมนต์ไปไหนก็ตามไม่เคยมีราคา และหากว่าว่างก็ไม่รังเกียจ ทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ทีนี้ตกดึกเวลากลางคืน ถึงเวลาพักผ่อนก็เป็นเวลาที่มหรสพเลิกแล้ว เป็นเวลาสักหกทุ่ม เขาก็จัดกุฏิให้พัก หลังหนึ่งเป็นกุฏิ ๒ ชั้น อาตมากับหลวงพ่อจงพักอยู่ด้วยกัน ทีนี้เวลาประมาณตี ๒ อาตมาไม่รู้ว่าฉันอะไรเข้าไป อยากจะไปส้วม ไอ้ส้วมวัดนั้นก็อยู่ไกลเหลือเกิน เป็นส้วมสมัยเก่า ต้องเดินจากกุฏิไปในป่าช้า ก็ไป ในเมื่อมันปวดท้องส้วมนี่ก็ทนไม่ไหว ถ้าขืนทนมันก็ต้องเกิดการขายหน้าขึ้นมา

ก็ไปส้วมกลับมา แล้วก็งานวันขนาดนั้นไฟฟ้าก็สว่างเต็มวัด ตานี้พอเดินผ่านกุฏิหลังหนึ่ง ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครวญครางแสดงถึงความเจ็บปวด ก็เดินหันกลับเข้าไปดู คิดว่าผู้หญิงป่วย หรือมีคนมานอนป่วยอยู่ในกุฏิหลังนี้ ก็ปรากฏว่ากุฏิหลังนั้นใส่กุญแจเรียบร้อย พอเข้าไปใกล้กุฏิหลังนั้น เสียงครวญครางนั้นก็เงียบหายไป แล้วเดินอ้อมไปดูด้านหลัง หน้าต่างปิด ไปเคาะประตูเรียกก็ไม่ปรากฏว่ามีคน เดินกลับออกมาอีกห่างประมาณ ๔ - ๕ วา ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นร้องครวญครางอีก แสดงถึงความเจ็บปวดอีกวาระหนึ่ง ก็กลับเข้าไปดูใหม่ อีคราวนี้เข้าไปดันประตูก็ไม่เข้า ตะกายขึ้นไปเปิดหน้าต่างบานใดบานหนึ่งก็เปิดไม่ออก ก็กลับถอยออกมา

พอถอยออกมาสัก ๓ - ๔ วา ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางอีก คราวนี้เอาใหม่ เข้าไปดูหน้าต่างบานหนึ่งรู้สึกว่าจะอ่อนแอมาก เลยเอาไม้กระทุ้งเสียกลอนหัก เปิดเข้าไปเดินเข้าไปดูกุฏิหลังนั้น ปรากฏว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย มืดไปหมด เอาไฟฉายส่องดู จะหาคนหรือสัตว์หรือแมวสักตัวก็ไม่มี ปรากฏว่าเป็นกุฏิร้าง ก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงที่ร้องนี้ต้องเป็นเสียงของผี เรื่องผีนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่อาตมาพบมามากแล้ว ไม่รู้สึกหนักใจ เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องของผีก็เลยเดินกลับ เสียงร้องก็หายไป พอกลับมาถึงกุฏิชั้นบนที่พักกับหลวงพ่อจง เมื่อขณะที่ไปปรากฏว่าหลวงพ่อจงจำวัด เมื่อกลับขึ้นมาปรากฏว่าหลวงพ่อจงลุกขึ้นนั่ง อาตมาขึ้นไปหาท่าน ก็ยิ้มกวักมือ เรียกให้เข้าไปหา ก็นอนอยู่คนละมุม คนละด้าน

ท่านถามว่า " ...เจอะนักเลงโตเข้ารึ...?"
ก็ถามว่าอะไรล่ะขอรับหลวงพ่อ ท่านก็ว่าเมื่อกี้เธอไปส้วมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านว่าใช่ ท่านก็เลยบอกว่า ไม่ใช่คนหรอก นางไม้ ถามว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไรขอรับ เพราะกุฏิหลังนั้นอยู่ห่างไปสัก ๒๐ วา แล้วเสียงร้องครวญครางก็ไม่ดังนัก หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ฉันรู้ รู้ตั้งแต่เธอเดินไปแล้วว่าเวลาขากลับเขาจะแกล้งร้อง ถามว่าเขาร้องทำไม บอกเขาแกล้งร้องหลอกเธอน่ะซิ แล้วถามถึงความประสงค์ ท่านบอกว่า ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเขารู้ว่าเธอไม่กลัวผี ก็เลยถามว่าผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นอะไร ท่านก็เลยบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเขาอยู่ที่กุฏินั้น ฉันดูแล้วเพราะเห็นเสาตกน้ำมัน เสาด้านทิศตะวันออกมุมด้านทิศเหนือนั่นละนะ แต่อยู่แถบตะวันออก เป็นเสาตกน้ำมัน เมื่อทราบแล้วก็มานอนกัน ต่างคนต่างนอน ตอนเช้าก็ถึงเวลาฉันเช้า

ถามเจ้าอาวาสว่า "...กุฏิมีใครอยู่หรือเปล่า...?"
ท่านก็ตอบว่า "...ไม่มีใครอยู่หรอกขอรับ ทั้งนี้เพราะกุฏิหลังนั้นมีเสาตกน้ำมัน ใครอยู่ไม่ได้ พระองค์ไหนก็อยู่ไม่ได้ ถูกหลอกเสียจนอยู่ไม่ได้..."

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ก้านบัว : 20-07-2009 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา