ในเรื่องของสมาธิ อย่างน้อยเราต้องปฏิบัติสมาธิภาวนา จับลมหายใจเข้าออก จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นพุทโธ นะมะพะธะ พองหนอยุบหนอ สัมมาอะระหัง หรือว่าจะเป็นตัวบทพระคาถาใด ๆ ก็ได้ที่เรารักเราชอบ เพราะว่าคำภาวนาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ เมื่อสมาธิทรงตัวในยามเช้า เราก็จะมีสติในการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ถ้าหากว่าปัญหามีมาก กำลังไม่เพียงพอ ก็แอบหาเวลาภาวนาเพิ่มเติมในช่วงกลางวัน
ส่วนก่อนนอนนั้นเราเหนื่อยมามากแล้ว ก็เอาแค่ง่าย ๆ ว่ากราบพระ สวดมนต์ไหว้พระสั้น ๆ ก็ได้ หลังจากนั้นก็นอนภาวนาส่งใจนึกถึงพระ หรือส่งใจไปเกาะพระนิพพาน ตั้งใจว่าเรานอนลงก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว ถ้าไม่ได้ลืมตามาดูโลกในวันใหม่ เราก็ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน แล้วหลังจากนั้นข้อสุดท้ายก็คือ ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย
บุคคลที่เป็นเลิศที่สุดในหมู่มนุษย์อย่างพระมหากษัตริย์ก็ยังสวรรคต ตัวเราต้องก้าวไปสู่ความตายเป็นแน่แท้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดใหม่มามีแต่ความทุกข์ยากเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีก การเกิดมาในโลกนี้เต็มไปด้วยความเร่าร้อนเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีก เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน แล้วเอาสติสมาธิของเราจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งใจว่านั่นคือพระพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่ใกล้พระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้พระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน
ให้รักษากำลังใจเอาไว้อย่างนี้ทุกวัน เช้าเย็นอย่างน้อยวันละ ๒ วาระ ถ้าทำอย่างนี้ก็มีโอกาส ถ้าหากท่านเสียชีวิตไปโดยเข้าไม่ถึงที่สุดของทุกข์ ไม่สามารถล่วงพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ อย่างน้อยเราก็จะได้มีสุคติเป็นที่ไป
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2018 เมื่อ 20:41
|