การจะไปพระนิพพานก็คือ การสั่งสมความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา จนถึงระดับสูงสุด การสั่งสมในระยะแรกเป็นการเกาะความดีไว้เพื่อความไม่ประมาท จะได้ไม่หลุดไปกระทำความชั่ว แต่เมื่อทำความดีจนถึงที่สุดแล้ว สภาพจิตจะปลดวางลงเอง รู้สึกว่าเต็มแล้ว พอแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ดีก็ไม่ยึด ชั่วก็ไม่ยึด ก็ในเมื่อดีก็ไม่เอา ชั่วก็ไม่เอา สุคติก็ไม่เอา ทุคติก็ไม่เอา ก็จะผ่ากลางไปเอง
ถึงวาระนั้นก็เป็นคนธรรมดายิ่งกว่าธรรมดา รู้ว่าอะไรดีก็ทำ อะไรชั่วก็ละ ไม่เกาะแล้วทั้งดีทั้งชั่ว เมื่อถึงเวลานั้นอารมณ์พระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง อยู่ตรงไหนก็คือพระนิพพาน
ดังนั้น...บรรดาท่านที่เป็นสุกขวิปัสสโก ทำไมถึงรู้ว่าตนเองตายแล้วไปนิพพานแน่ ? ก็เพราะว่าพระนิพพานอยู่กับใจตัวเอง เป็นที่ใจตัวเอง อยู่ที่ไหนก็เป็นพระนิพพาน พระนิพพานก็ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจเรานี่แหละ เพียงแต่ว่า ทำให้ถึง ทำให้ถูก ทำให้ดี ถึงเวลาแล้วก็วางไปหมดทั้งดีทั้งชั่ว แต่ก็ต้องเคารพสมมติทางโลก เขาว่าอะไรดีเราก็ทำไป เขาว่าอะไรชั่วเราก็หลีกเลี่ยง งดเว้นเสีย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2017 เมื่อ 19:44
|