พวกเราทุกคนที่ปฏิบัติก็มุ่งหวังความหลุดพ้น การที่เราจะหลุดพ้นได้ เราต้องรู้จักพระนิพพาน บุคคลที่จะไปสู่พระนิพพานได้นั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ
จะต้องเป็นผู้ที่มีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ทำให้ศีลขาดด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำ
เป็นผู้ที่รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตายอย่างแน่นอน ตายเมื่อไรเรามีที่ไปคือพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น แล้วเอาจิตสุดท้ายของเราเกาะพระนิพพาน หรือเกาะภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานไว้ก็ได้
หรือว่าท่านใดไม่ได้มโนมยิทธิ ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ ให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ ตั้งใจว่านั่นคือพระพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เดียวคือพระนิพพานเท่านั้น
เราสามารถเห็นท่านคือเรากำลังอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้เอากำลังใจจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้น
ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ กำหนดรู้ลมหายใจไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าหากว่าลมหายใจหมดไป คำภาวนาหายไป ก็กำหนดรู้อยู่เช่นนั้น อย่าอยากให้เป็น และอย่าอยากให้หายไป ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เพียงประการเดียว ให้รักษาอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญานบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๔
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2011 เมื่อ 13:44
|