ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-08-2011, 10:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,905 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนเอง หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒-๓ ครั้ง เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมดก่อน เวลาสมาธิเริ่มทรงตัวลมละเอียดลง จะได้ไม่เกิดอาการอึดอัด หลังจากนั้นก็ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามสภาพปกติ แต่เอาความรู้สึกของเรากำหนดรู้ตามเข้าไป

หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราพร้อมกับลมหายใจนี้เคลื่อนไปด้วยกัน เข้าไปจนสุดตั้งแต่ต้นยันปลาย ออกมาจนสุดตั้งแต่ต้นยันปลาย จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราเคยถนัด

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่สองของเดือนนี้ สำหรับวันนี้มีญาติโยมหลายคนที่สอบถามปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ ส่วนใหญ่เวลาพวกเราปฏิบัติไป พออารมณ์ใจทรงตัวภาวนาต่อไม่ได้แล้ว ก็มักจะเลิกการภาวนานั้นเสีย

ซึ่งความจริงแล้วการที่เราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวนั้น เป็นการที่เราได้เพาะสร้างกำลังให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะใช้กำลังนั้นมาพิจารณาวิปัสสนาญาณสำหรับตัดกิเลสรัก โลภ โกรธ หลงต่าง ๆ พอเราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้วเลิก ไม่ได้เอากำลังใจนั้นมาช่วยในการพิจารณาวิปัสสนาญาณเพื่อตัดกิเลส ถึงเวลาจิตก็จะฟุ้งซ่านไปหารัก โลภ โกรธ หลง ของตนเองตามสภาพความเคยชิน

แต่ว่าการที่เราภาวนานั้น ทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็งขึ้นเสียแล้ว มีกำลังเสียแล้ว เมื่อไปฟุ้งซ่านก็จะฟุ้งซ่านได้มากกว่าปกติ จนกระทั่งหลายคนสงสัยว่า ยิ่งปฏิบัติธรรมทำไมกิเลสยิ่งมาก ? ขอยืนยันว่ากิเลสไม่ได้มากขึ้น เพียงแต่ว่ากิเลสแข็งแรงขึ้น เพราะเราเอากำลังไปส่งให้เขา เหมือนกับว่าเลี้ยงโจรไว้ปล้นเราเอง

ดังนั้น..เมื่อทุกท่านภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ให้คลายออกมาหาวิปัสสนาญาณเพื่อพิจารณา ไม่อย่างนั้นสภาพจิตก็จะไหลไปหารัก โลภ โกรธ หลง ตามความเคยชิน แล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เรามากกว่าปกติ เพราะมีกำลังของสมาธิหนุนเสริมอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2011 เมื่อ 16:08
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา