เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนเอง หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒-๓ ครั้ง เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมดก่อน เวลาสมาธิเริ่มทรงตัวลมละเอียดลง จะได้ไม่เกิดอาการอึดอัด หลังจากนั้นก็ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามสภาพปกติ แต่เอาความรู้สึกของเรากำหนดรู้ตามเข้าไป
หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราพร้อมกับลมหายใจนี้เคลื่อนไปด้วยกัน เข้าไปจนสุดตั้งแต่ต้นยันปลาย ออกมาจนสุดตั้งแต่ต้นยันปลาย จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราเคยถนัด
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่สองของเดือนนี้ สำหรับวันนี้มีญาติโยมหลายคนที่สอบถามปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ ส่วนใหญ่เวลาพวกเราปฏิบัติไป พออารมณ์ใจทรงตัวภาวนาต่อไม่ได้แล้ว ก็มักจะเลิกการภาวนานั้นเสีย
ซึ่งความจริงแล้วการที่เราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวนั้น เป็นการที่เราได้เพาะสร้างกำลังให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะใช้กำลังนั้นมาพิจารณาวิปัสสนาญาณสำหรับตัดกิเลสรัก โลภ โกรธ หลงต่าง ๆ พอเราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้วเลิก ไม่ได้เอากำลังใจนั้นมาช่วยในการพิจารณาวิปัสสนาญาณเพื่อตัดกิเลส ถึงเวลาจิตก็จะฟุ้งซ่านไปหารัก โลภ โกรธ หลง ของตนเองตามสภาพความเคยชิน
แต่ว่าการที่เราภาวนานั้น ทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็งขึ้นเสียแล้ว มีกำลังเสียแล้ว เมื่อไปฟุ้งซ่านก็จะฟุ้งซ่านได้มากกว่าปกติ จนกระทั่งหลายคนสงสัยว่า ยิ่งปฏิบัติธรรมทำไมกิเลสยิ่งมาก ? ขอยืนยันว่ากิเลสไม่ได้มากขึ้น เพียงแต่ว่ากิเลสแข็งแรงขึ้น เพราะเราเอากำลังไปส่งให้เขา เหมือนกับว่าเลี้ยงโจรไว้ปล้นเราเอง
ดังนั้น..เมื่อทุกท่านภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ให้คลายออกมาหาวิปัสสนาญาณเพื่อพิจารณา ไม่อย่างนั้นสภาพจิตก็จะไหลไปหารัก โลภ โกรธ หลง ตามความเคยชิน แล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เรามากกว่าปกติ เพราะมีกำลังของสมาธิหนุนเสริมอยู่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2011 เมื่อ 16:08
|