มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก "เฮ้ย...เล็ก วันนี้รู้สึกร่างกายดีว่ะ เอาเครื่องออกกำลังมาสิ" เครื่องนี้เป็นเครื่องออกกำลังในลักษณะเหมือนอย่างกับโยกแล้วถีบคล้าย ๆ กับเรือกรรเชียงแบบนั้น สองฝั่งก็เป็นสปริงตัวประมาณท่อนแขน กระผม/อาตมภาพไปยกมาถวายหลวงพ่อ ท่านก็เข้าประจำที่ โยกออกกำลังตามปกติที่เครื่องทำได้นั่นแหละ ปรากฏว่า ๓-๔ ที เสียงดังผ่าง...! สปริงตัวเท่าแขนขาด หลวงพ่อท่านก็ลุกขึ้นบ่น "ไอ้ของห่วย ๆ อย่างนี้ดันถวายมาให้ใช้งาน" ก็น่าจะบังเอิญใช่ไหม ? ก็เป็นไปได้นะว่าดึง ๆ ไป ของไม่ดีก็ขาดได้..!
คราวนี้ด้วยความที่เวลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับจากรับแขก ญาติโยมก็นั่ง ๒ ฝั่ง เอาเงินใส่ย่าม แล้วที่แน่ ๆ ก็คือยื่นหัวให้ท่านเอาไม้เท้าเคาะ ท่านก็ถือไม้เท้าอะลูมิเนียมที่เลื่อนสูงเลื่อนต่ำได้ ธรรมดา ๆ นั่นแหละ ปลายก็หุ้มด้วยยาง (ตอนนี้ไม้เท้าอันนั้นอยู่ที่อาตมา เก็บไว้เป็นที่ระลึก) หลวงพ่อท่านก็เคาะ ๆ ๆ ไล่ไปเรื่อย ยื่นหัวมาก็เคาะให้ทุกคน
มีโยมอยู่คนหนึ่งทำหน้าแปลก ๆ เอามือกุมหัว พอหลวงพ่อท่านเดินเลยไป กระผม/อาตมภาพเตรียมตัวจะกวาดทำความสะอาด แล้วก็ถูศาลานวราชบพิตร ถามว่า "โยมเป็นอะไร ?" เขาแบมือให้ดู...เลือดออก หลวงพ่อท่านเคาะด้วยไม้เท้าที่หุ้มยาง เคาะก๊อก ๆ แค่นี้...หัวแตก..! ก็ถึงได้สงสัยว่าหลวงพ่อท่านก็แก่ด้วย ป่วยด้วย กำลังจะทรงตัวยังไม่มี ทำไมแรงท่านดีขนาดนั้น ?
ท่านอธิบายว่าเป็นแรงบุญ ท่านบอกว่าสิบล้อวิ่งไม่เต็มสูบ เอาตัวเองยังแทบจะไปไม่ได้ แต่ถ้าชนสามล้อขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ? ก็คือท่านก็ป่วยเหมือนกับสิบล้อไม่เต็มสูบนั่นแหละ แต่ถ้าปะทะกับสามล้อก็เป็นเรื่อง กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเข้าใจว่าเรื่องของแรงบุญเป็นอย่างไร ทำไมพระอานนท์ต้องแข็งแรง มีกำลังเท่าช้าง ๗ เชือก ? นั่นคือแรงบุญที่สร้างสมมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2021 เมื่อ 02:43
|