ในเรื่องของปีติ พระอาจารย์บอกว่า "ถ้ามีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เช่น น้ำตาไหล ตัวโยกไปโยกมา หรือดิ้นตึงตังโครมคราม หรือตัวพองตัวใหญ่ ตัวระเบิด เห็นแสงเห็นสีอะไรก็ตาม กำหนดใจรู้ไว้เฉย ๆ ถ้าสังเกตดูจะรู้ว่าใจของเรามันนิ่งมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว มันจะเป็นอย่างไรช่างมัน
ถ้ามันขึ้นของมันเต็มที่แล้ว มันจะเลิกเลย แต่ถ้าเราไปกลัว อายคน หรือกลัวว่าจะถึงแก่ชีวิตบ้าง คิดจะให้มันหยุด ถ้าทำสมาธิถึงตรงนั้นเมื่อไรอาการมันจะเกิดขึ้นอีก มันจะเกิดไปเรื่อย เกิดไม่เลิกจนกว่าเราจะยอมปล่อยมันเต็มที่ ถ้าอาการนี้เกิดขึ้นเรามีหน้าที่เป็นคนดูอย่างเดียว ถ้ามีลมหายใจกำหนดลม ถ้ามีคำภาวนากำหนดคำภาวนา อาการภายนอกเป็นอย่างไร ช่างมัน
ในเรื่องของตัวพองนั้น มันเป็นปีติ จะว่ามันเป็นการที่ร่างกายปรับธาตุให้เข้าที่ก็ได้ แต่จริง ๆ ไม่ได้พองอย่างนั้นหรอก มันเป็นความรู้สึก บางทีไม่พองเปล่า มันแตกเป็นรูรั่ว ก็ให้กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปอยากให้มันเป็น อย่าไปอยากให้มันหาย ทำหน้าที่เป็นคนดูอย่างเดียว อาการอื่น ๆ เป็นอย่างไรไม่รู้ เรารับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่นานมันก็คลาย จะว่าไม่นานก็ไม่ได้ เพราะว่าบางทีทำใจยาก ในเมื่อยาก กลัวบ้าง อายบ้าง ไม่ปล่อยเต็มที่ มันเลยไม่คลาย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-03-2011 เมื่อ 12:20
|