ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ก็คงขาดอยู่ดี เพราะว่าศีลพร่องแต่แรก เพราะว่าไม่ได้แสดงคืนอาบัติ ขาดวุฏฐานวิธี คือการออกจากอาบัติ ก็เท่ากับแช่อยู่ทั้งตัว คนพวกนี้ไม่ต้องดูอะไรมากหรอก ออกไปทำมาหากินอะไรก็ไม่เจริญ ปาราชิกกับสังฆาทิเสสโทษหนักมาก..ถ่วงเราหมด
ถาม : จะแก้ไขอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : บวชใหม่ ถ้าบวชหมู่ให้บวชเป็นรูปสุดท้าย ไม่อย่างนั้นถ้าคุณบวชก่อนแล้วคุณไปนั่งร่วม กลายเป็นสังฆกรรมเขาเสีย บวชเป็นรูปสุดท้าย ออกจากโบสถ์ได้ก็ไปอยู่ปริวาสเลย แก้ตัวเองให้เสร็จก่อน
คราวนี้การอยู่ปริวาส ปกติแล้วก็คือโดนอาบัติแล้วปกปิดไว้นานเท่าไร ก็ต้องอยู่เท่านั้น แล้วก็ต้องไปเก็บมานัตต์อีก ๖ วัน ๖ คืน พูดง่าย ๆ คือปิดไว้เท่าไรต้องใช้คืนเท่านั้น แล้วก็โดนลงโทษอีก ๖ วัน ๖ คืน แล้วถึงจะให้พระสวดคืนความเป็นพระให้
คราวนี้ท่านบอกว่า ถ้าจำไม่ได้ให้ใช้สุทธันตปริวาส คำว่า "สุทธันตปริวาส" เขาหมายถึงว่า ให้สงฆ์เป็นผู้กำหนด ว่าจะให้อยู่นานเท่าไร แต่ต้องกำหนดให้มากกว่าไว้เสมอ ปัจจุบันนี้ใช้แค่คำว่าให้สงฆ์กำหนด แล้วมักจะกำหนดให้ ๙ วัน ก็คืออยู่ปริวาส ๓ วัน แล้วก็เก็บมานัตต์ ๖ วัน เราลองคิดดูสิว่า ถ้าต้องโทษประหารชีวิต แล้วเรามาติดคุก ๖ วันก็พ้นโทษ..คิดอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหม ? แต่ปัจจุบันนี้เขามักจะเอาอย่างนั้นกัน
เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไปอยู่ปริวาสในบางสำนัก ถึงเวลาเขาเก็บมานัตต์เราก็อย่าไปเก็บกับเขา บาลีท่านใช้คำว่า ไม่ใช่มานัตตารหบุคคล ก็คือ ไม่ใช่บุคคลผู้ควรแก่มานัตต์ ในเมื่อยังไม่ควร เพราะโทษของเรายังใช้ไม่หมด เราไปเข้าอัพภาณ ย่อมไม่ใช่วิสัยที่จะพ้นโทษได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2013 เมื่อ 20:14
|