๕.กฎธรรมดาคืออะไร
อย่างร่างกายแก่ก็ไม่ฝืนความแก่
อย่างสตรีแก่แต่ไม่ยอมแก่ ไปผ่าตัดเสริมสาว
ทำร่างกายให้เจ็บปวดก็เป็นการเบียดเบียน
หรือคนเจ็บป่วยมีหนทางรักษาแต่ฝืนกฎธรรมดา
ไม่ยอมรักษา ไม่ยอมใช้ยา ไม่ยอมหาหมอ ก็เบียดเบียนร่างกาย
อย่างร่างกายเสื่อม ต้องการเปลี่ยนอิริยาบถ จิตไม่รู้เท่าทัน ถือทิฐิ
นั่งนาน ยืนนาน เดินนาน นอนนาน ก็ฝืนกฎธรรมดา คือเบียดเบียนร่างกายเช่นกัน
๖.คำว่าสังขารุเบกขาญาณ ต้องแปลว่า วางเฉยอย่างรู้เท่าทันในกองสังขารทั้งปวง
คือ ยอมรับกฎธรรมดาอันเป็นความจริงของสภาพร่างกาย
๗.อย่าคิดว่าเกิดมาชาตินี้ขอมีร่างกายเป็นชาติสุดท้าย แล้วตะบี้ตะบันใช้งานมันไปอย่างไม่มีปัญญา
ร่างกายถูกเบียดเบียนเท่าไหร่ จิตอาศัยเป็นเครื่องอยู่ ก็จักมีเวทนาที่ถูกเบียดเบียนเท่านั้น
๘.จักต้องรู้จักกฎธรรมดาของร่างกาย จิตจึงจักอยู่เป็นสุขได้
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ร่างกายมันมีความสกปรก ต้องอาบน้ำชำระล้างทุกวัน
จิตเหมือนคนอยู่ในบ้าน บ้านสกปรกตามกฎธรรมดาของโลก
ถ้าไม่เช็ด ไม่ล้าง ไม่ถูให้สะอาด คนอยู่จักหาความสบายใจได้หรือไม่
ร่างกายก็เช่นกัน กฎธรรมดามันเป็นอย่างนั้น
ถ้าฝืนกฎธรรมดาไม่อาบน้ำให้มัน จิตก็ทุกข์ไม่สบายใจเช่นกัน
๙.นี่คือธรรมในธรรมของร่างกาย
ที่เจ้าจักต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อก้าวไปสู่อารมณ์สังขารุเบกขาญาณที่ถูกต้อง
โดยไม่ฝืนกฎธรรมดาของร่างกาย...